iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max เปิดตัวแล้ว ซึ่งเป็นไอโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา ซึ่งมาพร้อมชิพ A14 Bionic ดีไซน์แบบใหม่หมดพร้อมด้วย Ceramic Shield, กล้องระดับโปร, สแกนเนอร์ LiDAR และจอภาพ Super Retina XDR ที่ใหญ่ที่สุดใน iPhone และเป็น iPhone Pro ซีรีส์แรกสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยี 5G
iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max มีจอภาพ Super Retina XDR แบบขอบจรดขอบ, ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield เพิ่มความทนทานสำหรับ iPhone นอกจากนี้ยังมีชิป A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่เร็วที่สุด และเป็นขุมพลังคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วย Apple ProRAW ที่ให้คุณควบคุมการสร้างสรรค์รูปภาพได้มากขึ้นเป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสประสบการณ์วิดีโอแบบ Dolby Vision สูงสุด 60 fps ตั้งแต่ต้นจนจบ
ส่วนระบบกล้องโปรที่คิดขึ้นใหม่หมดนั้นมาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ที่กว้างสุดๆ, กล้องเทเลโฟโต้ที่มีทางยาวโฟกัสสูงยิ่งขึ้นบน iPhone 12 Pro Max และกล้องไวด์ใหม่ที่สามารถเก็บบันทึกภาพและถ่ายวิดีโออันสวยงามด้วยคุณภาพระดับมืออาชีพ ทั้งในที่ที่สว่างจ้าและในสภาวะแสงน้อย ยิ่งกว่านั้น iPhone 12 Pro ยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ใหม่ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ AR ที่เต็มอิ่มสมจริง
รวมถึง MagSafe ซึ่งมาพร้อมการชาร์จแบบไร้สายกำลังสูง และ ecosystem ของอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ที่ยึดติดกับ iPhone ได้ง่ายอีกด้วย
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มาพร้อม 5G มีตั้งแต่ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอพที่รวดเร็วทันใจ จนถึงการโทร FaceTime ความละเอียดสูง และอีกมากมาย นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยจนไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับฮอตสปอต Wi-Fi สาธารณะบ่อยๆ อีกต่อไป
iPhone 12 Pro รองรับย่านความถี่ 5G มากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน ใช้งาน 5G ได้ทั่วโลก โดยรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นรองรับความยาวคลื่นระดับมิลลิเมตร ซึ่งเป็น 5G ในความถี่ที่สูงกว่า ทำให้ iPhone 12 Pro สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 4Gbps แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมโหมด Smart Data ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยการประเมินความจำเป็นในการเชื่อมต่อ 5G และปรับการใช้งานข้อมูล ความเร็ว และพลังงานให้สมดุลในแบบเรียลไทม์
มาพร้อมซีพียู A14 Bionic ที่ทั้งทรงพลังและประหยัดพลังงาน ทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) ใหม่ ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ และยกระดับการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ในแบบที่กล้องเดิมๆ ทำไม่ได้
iPhone 12 Pro ยังมาพร้อม Apple ProRAW ซึ่งจะมีให้ใช้งานภายในปีนี้ โดยเป็นการนำการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรมและการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ของ Apple มารวมเข้ากับความอเนกประสงค์ของรูปแบบ RAW ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นบน iPhone หรือใช้แอพปรับแต่งภาพระดับมืออาชีพอื่นๆ
ในส่วนขนาดหน้าจอกับขนาดเครื่องนั้น iPhone 12 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 12 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว
iPhone 12 Pro ได้รับมาตรฐาน IP68 สามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที และยังรับมือกับน้ำที่หกใส่ในชีวิตประจำวันได้ด้วย อย่างกาแฟหรือน้ำอัดลม เป็นต้น
Image : AppleiPhone 12 Pro มาพร้อมกล้องไวด์ใหม่ที่มีชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น พร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 สามารถถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น 27% และยังมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่มีมุมในการมองกว้างถึง 120 องศา เหมาะสำหรับการเก็บภาพด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นในที่แคบๆ หรือภาพทิวทัศน์แบบอลังการ รวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ทางยาวโฟกัส 52 มม. ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ทั้งหมดนี้ทำให้ช่วงซูมแบบออปติคอลเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า
iPhone 12 Pro Max กล้องไวด์ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น 47% และพิกเซลขนาด 1.7μm สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นมากถึง 87% ทั้งยังมาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ที่กว้างสุดๆ
โหมดกลางคืนที่ดียิ่งกว่าเดิม วันนี้มาอยู่บนกล้อง TrueDepth และกล้องอัลตร้าไวด์แล้ว และยังมีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืนที่เปิดรับแสงได้นานขึ้น สามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น สร้างเส้นแสงได้สวยขึ้น และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เนียนขึ้นด้วยเมื่อใช้ขาตั้ง ส่วน Deep Fusion ที่วันนี้ดีและเร็วยิ่งกว่าเดิมก็มาอยู่ในกล้องทุกตัว พร้อมด้วย HDR3 ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ภาพที่สวยงามสมจริงยิ่งขึ้นแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน
iPhone 12 Pro เป็นกล้องที่สามารถมอบประสบการณ์ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยการบันทึกแบบ HDR สูงสุด 60 fps พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวสำหรับวิดีโอที่ดียิ่งขึ้น
มีการปรับโทนสีแบบ Dolby Vision แบบสดๆ อย่างต่อเนื่องขณะตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นในแอพรูปภาพหรือ iMovie และจะมีให้ใช้งานใน Final Cut Pro X ภายในปีนี้ ส่วน Dolby Vision นั้นก็ใช้ประโยชน์จากจอภาพ Super Retina XDR เพื่อถ่ายทอดคอนทราสต์ในระดับที่น่าทึ่ง ทั้งในขณะบันทึกและเล่นวิดีโอ และผู้ใช้ยังสามารถแชร์วิดีโอด้วย AirPlay ไปยังอุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุดถึงระดับ 4K
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมสแกนเนอร์ LiDAR แบบใหม่หมด สามารถมอบประสบการณ์ AR ที่สมจริงยิ่งขึ้นได้เร็วยิ่งกว่าเดิม และช่วยให้ออโต้โฟกัสทำงานในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า ลดระยะเวลาที่ใช้ในการบันทึกภาพและวิดีโอด้วย และการผนึกกำลังระหว่างฮาร์ดแวร์อันล้ำสมัยกับ Neural Engine ของ A14 Bionic ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืนพร้อมเอฟเฟ็กต์โบเก้อันสวยงามเป็นจริงได้อีกด้วย
รองรับอุปกรณ์เสริมอย่าง MagSafe นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้การชาร์จแบบไร้สายยึดติดง่ายราบรื่นไร้รอยต่อ
iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max รันบน iOS14
จากนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมของ Apple ภายในกล่อง iPhone 12 Pro หรือ iPhone 12 Pro Max จะมาพร้อมกับสาย USB-C เป็น Lightning เท่านั้น เช่นเดียวกันกับ iPhone 12 กับ iPhone 12 Mini
iPhone 12 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 999 USD และ iPhone 12 Pro Max ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 USD ซึ่งเป็นราคาที่เท่ากับ iPhone 11 Pro ตอนเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง โดย iPhone 12 Pro เริ่มเปิดให้สั่งจอง 16 ตุลาคมนี้ รับเครื่อง 23 ตุลาคม เป็นต้นไป ส่วน iPhone 12 Pro Max เริ่มสั่งจอง 6 พฤศจิกายน และรับเครื่อง 13 พฤศจิกายนนี้ ส่วนในไทยต้องรอประกาศจากทาง Apple ประเทศไทยอีกครั้งเร็วๆนี้ คาดว่าจะจำหน่ายหลังสหรัฐอเมริกา 1 เดือน
อ้างอิง Apple – Cover Apple on Youtube