iPhone 12 กับ iPhone 12 Mini เปิดตัวแล้ว มือถือกล้องหลังกล้องคู่ รองรับ 5G ใช้ชิป A14 Bionic ซึ่งเร็วแรงที่สุดในสมาร์ทโฟน และเป็นตัวแรกที่ใช้กับอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดอย่าง MagSafe การชาร์จแบบไร้สายกำลังสูง แบบแม่เหล็ก
Image : Apple
Phone 12 กับ iPhone 12 Mini กับสิ่งที่ทุกคนรอคอย
คือ เป็นมือถือ iOS ซีรีส์แรกที่รองรับ 5G ทำให้ดาวน์โหลดและอัพโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอพที่รวดเร็วทันใจ จนถึงการโทร FaceTime ความละเอียดสูง และอีกมากมาย iPhone 12 รองรับย่านความถี่ 5G มากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน จึงสามารถใช้งาน 5G ได้ครอบคลุมทั่วโลกมากที่สุด โดยรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นรองรับความยาวคลื่นระดับมิลลิเมตร ซึ่งเป็น 5G ในความถี่ที่สูงกว่า ทำให้ iPhone 12 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 4Gbps แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
นอกจากนี้ iPhone 12 ยังมาพร้อมโหมด Smart Data ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยการประเมินความจำเป็นในการเชื่อมต่อ 5G และปรับการใช้งานข้อมูล ความเร็ว และพลังงานในแบบเรียลไทม์
A14 Bionic บน iPhone 12 เป็นชิปแรกในวงการสมาร์ทโฟนที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร นอกจากนี้ A14 Bionic ยังมาพร้อม CPU และ GPU ที่เร็วที่สุด ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าชิพที่เร็วที่สุดของสมาร์ทโฟนคู่แข่งถึง 50% มอบประสบการณ์การเล่นเกมในระดับคอนโซล ประมวลผลภาพถ่ายได้อย่างทรงพลัง และอีกมากมาย โดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ยาวนาน
A14 Bionic ยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่จะยกระดับ Machine Learning (ML) ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น 80% และสามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้แม้แต่โมเดล ML ที่สลับซับซ้อน
iPhone 12 ทั้งสองรุ่นมาในดีไซน์ขอบแบนใหม่ ตัวเครื่องซึ่งทำมาจากอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ และดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield มีการผสมผลึกนาโนเซรามิกลงในแมทริกซ์ของกระจกโดยใช้ขั้นตอนการตกผลึกที่อุณหภูมิสูง ช่วยเพิ่มความทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า
มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 เพื่อแสดงสีดำที่ดำสนิทและประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ HDR แบบเต็มอิ่มสมจริง มีความสว่างสูงกว่าความสว่างสูงสุดของ iPhone 11 เกือบ 2 เท่า
iPhone 12 และ iPhone 12 mini ป้องกันน้ำกันฝุ่นด้วย IP68 สามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที และยังรับมือกับน้ำหกอย่างกาแฟหรือน้ำอัดลมได้ด้วย
iPhone 12 และ iPhone 12 Mini กล้องหลังเป็นกล้องคู่ ประกอบไปด้วยกล้องอัลตร้าไวด์และกล้องไวด์ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ซึ่งรวดเร็วที่สุดใน iPhone และรับแสงได้มากขึ้น 27% เก็บรายละเอียดได้มากขึ้นพร้อมนอยซ์ที่ลดลง Deep Fusion
HDR3 จะใช้ ML ในการปรับไวท์บาลานซ์ คอนทราสต์ และความอิ่มสีของภาพเพื่อให้ภาพถ่ายของคุณดูสวยงามสมจริงมากที่สุด
iPhone 12 การถ่ายวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision และยังเป็นอุปกรณ์แรกและอุปกรณ์เดียวในโลกที่ได้รับประสบการณ์แบบ Dolby Vision ตั้งแต่ การถ่าย ตัดต่อ และแชร์วิดีโอระดับโรงภาพยนตร์บน iPhone ได้
มีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืน สามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น สร้างเส้นแสงได้สวยขึ้น
Apple ประกาศ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่แถมอุปกรณ์น้อยลง ?
iPhone 12 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้แร่โลหะหายากที่มาจากการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น ซึ่งรวมถึงกล้องใหม่, Taptic Engine และ MagSafe รวมถึงอุปกรณ์เสริม MagSafe ของ Apple ด้วย นอกจากนี้ Apple ไม่แถม adapter กับ EarPods ให้ในกล่อง แถมเพียงสาย USB-C เป็น Lightning เท่านั้น
iPhone 12 ซีรีย์ รองรับอุปกรณ์เสริมใหม่ MagSafe อุปกรณ์เสริมสำหรับชาร์จไอโฟนแบบไร้สาย ในการชาร์จแบบไร้สายให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใช้กับอุปกรณ์เสริมใหม่ MagSafe เป็นมีชุดแม่เหล็กรอบขดลวดสำหรับการชาร์จแบบไร้สายที่ออกแบบมาอย่างลงตัวเพื่อให้ประกบได้พอดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone อย่างสมบูรณ์ และที่ชาร์จ MagSafe ยังสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 15 วัตต์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ยังคงใช้งานกับอุปกรณ์เดิมที่รองรับ Qi ได้
iPhone 12 ราคาเริ่มต้นที่ 799 USD ส่วน iPhone 12 mini ราคาเริ่มต้นที่ 699 USD มี 3 ขนาดความจุ 64GB, 128GB และ 256GB มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ น้ำเงิน เขียว ดำ ขาว และ (PRODUCT)RED
iPhone 12 เปิดสั่งซื้อก่อนเริ่ม 16 ตุลาคม รับเครื่อง 23 ตุลาคม ส่วน iPhone 12 Mini เปิดสั่งซื้อ 6 พฤศจิกายน รับเครื่อง 13 พฤศจิกายน 2020 ในต่างประเทศ ส่วนไทยรอประกาศจาก Apple ประเทศไทย พร้อมราคาทางการเร็วๆนี้ผ่านทางเว็บไซต์ Apple
อ้่างอิง Apple Cover : Apple on Youtube