เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา เป็นวันเปิดเผยข้อมูลสากล ( International Open Data Day 2018 ) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชุมชนที่สนใจเรื่องข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ทั่วโลกจะจัดกิจกรรมพร้อมกัน ทั้งการพัฒนาแอพลิเคชั่น การเปิดข้อมูลสู่สาธารณะ การทำข้อมูลให้เข้าใจง่ายโดยใช้วิธี visualization หรือการทำ Infographic การใช้ข้อมูลแบบเปิดมาวิเคราะห์ (Data Analytics) เพื่อให้เป็นประโยชน์ โดยกิจกรรมนี้เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมนโยบายเปิดเผยข้อมูล (Open Data) ทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งในปี 2561 นี้ International Open Data Day ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม ได้มีการจัดกิจกรรมกว่า 80 เมืองทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทย สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม International Open Data Day ที่โรงแรม Sofitel So Bangkok กรุงเทพฯ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า รอบปีที่ผ่านมา EGA ในฐานะผู้ขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ได้เร่งผลักดันแนวคิด Open and Connected Government เพื่อส่งเสริมพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ จากข้อมูลเปิดภาครัฐ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและได้มีส่วนร่วม จนมีการผลักดันโครงการ data.go.th ที่ถือกำเนิดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลกว่า 1,073 ชุดข้อมูล
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เป็นปีที่ 4 แล้วนับตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปีนี้ เราอยู่ในยุคที่ข้อมูลเข้าหาง่ายมาก มีเครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำมาใช้ได้ นอกจากมีการระดมความคิดด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับข้อมูลภาครัฐให้เกิดประโยชน์ มีการนำข้อมูล Big Data มาแลกเปลี่ยนพูดคุยแล้วยังมีเร่งผลักดันการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในรูปแบบ API (Application Programming Interface) ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายต่อการนำมาใช้งานพัฒนาต่อได้ง่ายขึ้น
โดยปี 2018 นี้ EGA ได้ประกาศเป็นปีแห่งข้อมูลภาครัฐ นอกจากปรับข้อมูลให้เป็นมาตรฐานงานเดียวกันเพื่อง่ายต่อการแบ่งปัน และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันแล้ว ยังเป็นปีเแห่งการเพิ่มปริมาณชุดข้อมูลที่มีคุณค่าสูงที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ให้ข้อมูล และผู้ที่นำข้อมูลไปใช้ด้วย ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสนับสนุนทุกด้าน เช่น ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ , การสร้าง Data Scientist ภาครัฐ , สร้างศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลแห่งชาติ , และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อให้ข้อมูลอันมากมายมหาศาลถูกจัดเก็บในรูปแบบต่างๆและนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง มีความเสถียร โปร่งใส และประหยัดงบประมาณ
ดร. ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเลคทรอนิกส์ได้กล่าวถึงตัวอย่างของการนำ Open Data มาวิเคราะห์ เช่น ล่าสุดนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้นำข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเด็กที่เกิดใหม่ แล้วนำไปเลี้ยงโดยพ่อแม่เลี้ยงด้วยกัน (ครอบครัวที่สมบูรณ์) คุณแม่เลี้ยงคนเดียว คุณพ่อเลี้ยงคนเดียว หรือเลี้ยงโดยปู่ย่าตายาย จากข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ พบว่า การเลี้ยงโดยพ่อคนเดียว แย่ที่สุด ดังนั้นนโยบายให้พ่อลาคลอดได้อาจจะไม่ใช่แล้วสำหรับเมืองไทย ซึ่งเราไม่ได้คิดเอง แต่ data เป็นตัวบ่งบอก ดังนั้นต่อไปเวลารัฐบาลจะออกนโยบายอะไร การมาคิดเองไม่น่าจะดีแล้ว แต่รัฐต้องมีหลักฐานจากข้อมูลสถิติและการวิเคราะห์จากข้อมูลที่เป็นจริง แล้วนำข้อมูลที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่รัฐและประชาชนนั่นเอง
เรากำลังอยู่ในยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทุกองค์กรตั้งแต่ธุรกิจ sme สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ จนถึงประเทศชาติ จะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ต้องวางแผนและตัดสินใจด้วยข้อมูล แต่จะทำได้ ต้องมีข้อมูลที่มากพอ และ มีความเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ข้อมูล จึงสามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นกลยุทธ์ได้
ภายในงานจึงมีการเสวนาในหัวข้อ Data Science กับ ยุคแห่งการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้าน Data Science และ Open Data ทั้ง
- ดร.อัญญรัตน์ บุญนิธิวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) SCB Abacus
- ดร.รุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
โดยในวงเสวนาได้มีการอธิบายถึง Big Data, Open Data, Data Analytics, Data Scientist, Machine Learning, AI และความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันของสิ่งเหล่านี้ และประโยชน์ในการนำไปใช้งาน พร้อมยกตัวอย่างเคสต่างๆที่มีการนำ Data และ Open Data มาใช้ในการวิเคราะห์และวางแผน ทั้งเคสในอดีต เช่นกรณีการใช้ Big Data ของบารัค โอบามาจนชนะการเลือกตั้ง และการต่อสู้กันด้วย Data Analytics ในยุคต่อมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ฮิลลารี คลินตัน และแนวโน้มในอนาคต พร้อมคำแนะนำหากองค์กรต้องการจัดตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล จะต้องทำอย่างไร พร้อมกับแนวทางการดำเนินงานและทิศทางของ Open Data ในประเทศไทย
นอกจากนี้ในส่วนของไทย ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม เผยว่าล่าสุดนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทาง กกต. ก็มีการเปิดเผยในรูปแบบ Open Data สถิติผลการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งคุณสามารถดูย้อนหลังว่า ใครชนะเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งแต่ละปี ในพื้นที่ไหน ดูการใช้งบประมาณ ดูบริษัทรับจัดซื้อจัดจ้างได้ ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาเชื่อมโยงใช้งานได้หลายแง่มุม
ซึ่งทาง EGA เองก็พยายามที่จะทำ Open Data Platform มากขึ้น โดยปลายปี 2018 จะเปิดตัวเว็บ Blog และมี API ของ Open Data มาให้บริการมากขึ้น ซึ่งจะสร้าง Community การใช้ข้อมูลเปิด (Open Data) มากขึ้น และหาโจทย์ทางสังคมให้คนไทยได้รับรู้มากขึ้น”
ส่วนในช่วงที่ 2 เป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องการทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) และ Machine Learning เบื้องต้น โดยวิทยากร รศ.ดร.พยุง มีสัจ คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยได้สาธิตการใช้ข้อมูลเปิดภาครัฐ ทั้งรูปแบบ Raw Data และ API นำมาเสนอในรูปแบบ Data Science
เช่น การทำ Virtualization การทำเหมืองข้อมูลหรือ Data Mining การทำ Machine Learning การใช้ RapidMiner และการเขียน Code โดยใช้ภาษา R หรือภาษา Python เพื่อดึง API และ Data ไปใช้งาน
โครงการ International Open Data Day เป็นเวทีใหญ่ สำหรับผู้ที่ต้องการนำข้อมูลเปิดมาใช้งาน คาดว่าผลสำเร็จของการจัดงาน จะก่อให้เกิดเครือข่ายการใช้ข้อมูลจากศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ และการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสงคม ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งหลังจากการสัมมนาในวันนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนาได้รู้จักเครื่องมือ และการนำข้อมูลเปิด Open Data ที่ภาครัฐเปิดเผยมาลองใช้และพัฒนาเข้ากับบริการของตนเองเพื่อให้ข้อมูลที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้ข้อมูลและ สามารถพัฒนาบริการต่างๆที่ตอบโจทย์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่ใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น
ต่อไปเวลาที่รัฐบาลจะออกนโยบายอะไร ก็สามารถอาศัยหลักฐานจากข้อมูลสถิติและการวิเคราะห์จากข้อมูลที่เป็นจริง แล้วนำข้อมูลที่มีมาใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่รัฐและประชาชนได้นั่นเอง ซึ่งเราเองก็สามารถเปลี่ยนข้อมูลขององค์กร หรือ ข้อมูลเปิดเผย Open Data ทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่มีให้ใช้มากมายทั้งของไทยและทั่วโลก ให้กลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย มีคุณค่ายิ่งกว่าเดิม กลายเป็นงานวิจัย กลายเป็นกลยุทธ์ขององค์กร หรือแม้แต่นำไปต่อยอดสร้างเป็น application ได้ด้วยเทคนิคต่างๆ ทั้งการทำ Vitualization หา insight , การหาความหมายและความเชื่อมโยงของข้อมูลต่างๆที่ซ่อนอยู่ และการทำ machine learning เพื่อการทำนายหรือ prediction ที่ได้มีการสาธิตในงานสัมนานี้นั่นเอง
(วีดีโอโปรโมทงานสัมมนา March 2018 : ความสำคัญของ Big Data, Open Data, Data Science, Machine Learning, Data Mining, Data Driven Organization)
(วีดีโอสรุปงาน ออกอากาศในรายการไอที24ชั่วโมง March 2018)