เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าข้อมูลกำลังกลายเป็นขุมทรัพย์ที่มีความสำคัญในระดับชาติและในทางธุรกิจ หรือเรียกได้ว่าเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จในการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจนั่นเอง
ในปัจจุบันทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการเกิดขึ้นของขีดความสามารถใหม่จากเทคโนโลยีต่างๆ เช่น IoT, Data Analytics, AI, 5G และ Blockchain เป็นต้น จนทำให้เกิดการสร้างข้อมูลขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และในที่สุดข้อมูลได้กลายมาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน กล่าวคือในอนาคตความสามารถในการแข่งขันของประเทศและองค์กรจะถูกขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเป็นสำคัญ
การประยุกต์ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อยังผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับองค์กรจะมีความสำคัญเป็นลำดับแรก ซึ่งในอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้เกิดการสร้างมูลค่าอย่างยิ่ง และจะทวีความสำคัญมากขึ้นในทุกๆภาคส่วน โดย The International Institute for Analytics (IIA) ได้รายงานว่าภายในปี พ.ศ. 2563 ธุรกิจที่มีการใช้งานข้อมูลจะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์ในเชิงผลิตภาพกว่า 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูล
ดังนั้นข้อมูลข่าวสารถือเป็นแหล่งอำนาจทางธุรกิจ และเทคโนโลยี Big Data เองก็ทำให้เรามีข้อมูลที่เราไม่เคยคิดจะรวบรวมหรือวิเคราะห์เลยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาอยู่ในมือ ด้วยเหตุนี้องค์กรที่เพิกเฉยไม่ยอมเปิดใจรับวิวัฒนาการทางด้านข้อมูลก็จะไล่ตามคู่แข่งไม่ทัน และอาจจะต้องถูกผลักออกจากการแข่งขันในไม่ช้า
ในอนาคตอันใกล้ เราจะมีโอกาสได้เห็นถึงกระแสของการใช้ข้อมูลจากภายนอกที่มากขึ้น (จากแหล่งข้อมูลของรัฐ และผู้ให้บริการข้อมูลจากภายนอกอื่นๆ เป็นต้น) โดยบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความชำนาญด้านดิจิทัลได้คาดการณ์สิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนแล้ว เช่น บริษัท IBM ที่มีการซื้อ The Weather Channel ไว้เพราะเล็งเห็นว่าจะสามารถช่วยให้บริษัทมีแหล่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพไว้ใช้งานได้ และสามารถสร้างธุรกิจใหม่ที่มีมูลค่าต่อไปได้ในอนาคต
The International Data Corporation ได้คาดการณ์ว่าในอีก 3 – 5 ปี บรรดาบริษัทต่างๆจะเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิตอล (Digital Transformation) ในระดับมหภาค รวมทั้งการพลิกโฉมหน้าทางด้านวัฒนธรรมและการดำเนินการต่างๆ โดยแทนที่จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสะสางงานในรูปแบบเดิมๆ แต่องค์กรต่างๆจะเปลี่ยนไปมุ่งพัฒนาให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีในรูปแบบใหม่มากขึ้นอย่างชนิดที่เรียกว่าพลิกผันอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ทุกสิ่งล้วนมีรากฐานมาจากยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ด้านการใช้ข้อมูลขององค์กรที่มาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำและผู้บริหาร และเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ผู้นำทางธุรกิจจะต้องตื่นตัวในการกำหนดวิสัยทัศน์ของตัวเองให้กว้างขึ้นกว่ากรอบความคิดที่เคยปฏิบัติมาแต่ดั้งเดิม รวมทั้งต้องหันกลับไปพิจารณาแนวคิดและระบบที่ไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อน ผู้นำทางธุรกิจจะต้องตั้งคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว โดยเริ่มต้นจากการถามคำถามเชิงยุทธศาสตร์ที่ตัวเองกำลังใช้ดำเนินธุรกิจอยู่ ซึ่งธุรกิจทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ในขณะนี้ก็ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ทุกธุรกิจต้องมียุทธศาสตร์และกลยุทธ์ด้านการใช้ข้อมูล (Data Strategy) อย่างชาญฉลาด
องค์กรที่รู้จักคิดไปไกลกว่าคู่แข่งในแง่ของกระบวนความคิดและใช้ประโยชน์จากข้อมูล โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ครองอุตสาหกรรมข้อมูลอย่าง Google, Facebook และ Amazon ต่างก็ไม่ได้เป็นผู้บุกเบิกในการรวบรวมข้อมูลในปริมาณมากเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องหาวิธีการใหม่ๆที่สร้างสรรค์เพื่อให้เกิดการใช้งานข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างเกิดคุณค่าและมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าปราศจากการวางแผนที่ดีและการดำเนินการที่รัดกุมในการใช้ข้อมูลด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ องค์กรก็จะเสียเงินจำนวนมาก แต่กลับไม่ค่อยได้รับประโยชน์อะไรมากนักจากข้อมูล
มีบริษัทจำนวนมากที่มีกลยุทธ์ด้านการใช้ข้อมูลไว้ใช้โดยเฉพาะในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดและด้านการขาย แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ทั้งนี้เพราะผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่มีวิสัยทัศน์ที่แคบกว่าที่เราคิด เนื่องจากพวกเขาเชื่อกันว่าข้อมูลและการประยุกต์ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซ้ำร้ายคือผู้บริหารเหล่านั้นไม่ใส่ใจที่จะรู้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้ทำงานอย่างไร ต่างคนก็สักแต่ว่าคอยผลักดันให้เกิดการเติบโต โยนเงินลงไปให้เกิดการพัฒนาโดยไม่รู้ว่าทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด
จากประสบการณ์ของผู้ให้คำปรึกษาในการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูลพบว่า เหตุแห่งความล้มเหลวของการทำ Big Data คือ ผู้นำและผู้บริหารไม่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ และเป้าหมายของการทำ Big Data ก่อนการดำเนินการที่ชัดเจน จึงทำให้สุดท้ายเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวนั่นเอง
ระวัง!!! อย่าให้ Big Data กลายเป็น Big Problem
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ประวัติ: http://www.xn--42cf0a8cxa3ai5ple.com/?p=165
3 ธันวาคม 2560
www.เศรษฐพงค์.com