BSA เผยข้อมูลในผลสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์ทั่วโลก (Global Software Survey) พบว่าอัตราการติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์เพื่อใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในประเทศไทย อยู่ที่ร้อยละ 71 ในปี 2013 ซึ่งละเมิดลดลง 1% จากปี 2012โดยผลสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์ทั่วโลก (Global Software Survey) จัดทำขึ้นปีเว้นปีโดยไอดีซี (IDC) ได้สำรวจผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ใน 34 ประเทศ ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เป็นรายบุคคล และองค์กรธุรกิจเกือบ 22,000 ราย และที่เป็นผู้จัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอีกกว่า 2,000 ราย พบว่า
- มูลค่าเชิงพาณิชย์ของซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์ในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 28,500 ล้านบาท
- เหตุผลหลักที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วโลกไม่เลือกใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน คือ ต้องการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามต่อระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่มีสาเหตุจากมัลแวร์ นอกจากนี้ ร้อยละ 64 ระบุ ความกังวลข้อแรกคือการจู่โจมเข้ามายังระบบคอมพิวเตอร์โดยแฮกเกอร์ ส่วนอีกร้อยละ 59 กังวลเรื่องการสูญหายของข้อมูล
- ผู้จัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลก แสดงความวิตกกังวลว่าซอฟต์แวร์เถื่อน อาจมีอันตราย อย่างไรก็ตาม น้อยกว่าครึ่งที่มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ในองค์กรของพวกเขามีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์อย่างถูกต้อง
- เพียงร้อยละ 32 ขององค์กรธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีนโยบายเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน เรื่องต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์อย่างถูกต้องเท่านั้น
กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ปี 2556 เป็นปีแห่งการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และได้จัดทำแคมเปญเพื่อเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย ในขณะที่ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทย ได้แก่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) บังคับใช้กฎหมายกับองค์กรธุรกิจกว่า 300 แห่งที่ใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์ ปัจจัยทั้งสองมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้อัตราการใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์อย่างถูกต้องในประเทศไทยปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ยังอาจมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจไทยติดอันดับอยู่ในกลุ่มองค์กรธุรกิจที่มีนโยบายเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์ในองค์กร “อย่างไม่เป็นทางการ” โดยร้อยละ 58 ของผู้จัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย เผยว่าผู้บริหารของพวกเขามีนโยบายเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์ในองค์กร “อย่างไม่เป็นทางการ” ทั้งนี้ร้อยละ 58 เป็นอัตราที่สูงและจัดอยู่ในกลุ่มที่มีอัตราสูงสุดในจำนวน 20 ประเทศที่ทำการสำรวจ
นอกจากนี้ผลสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์ทั่วโลกของบีเอสเอ ยังพบว่า
- อัตราการใช้ซอฟต์แวร์ปลอม ซอฟต์แวร์เถื่อน บนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 43 ในปี 2556 โดยประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ที่พบว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนมากที่สุด ยังคงสัดส่วนการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมากที่สุดและเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- มูลค่าเชิงพาณิชย์ของซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้โดยไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือไลเซ้นต์ทั่วโลก รวมทั้งสิ้น 62,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556
- ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีอัตราโดยรวมของการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อน ในปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 62 เพิ่มขึ้น 2 จุดจากปี 2554 และมีมูลค่าเชิงพาณิชย์สูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกตามมาเป็นอันดับสอง มีอัตราการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อน อยู่ที่ร้อยละ 61 ตามมาด้วยลาตินอเมริกาที่ร้อยละ 59 และตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ร้อยละ 59 เช่นกัน
- ในยุโรปตะวันตก อัตราการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อน ลดลง 3 จุดมาอยู่ที่ร้อยละ 29 ในปี 2556 โดยมีมูลค่าเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ในสหภาพยุโรป อัตราการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อน ลดลง 2 จุดมาอยู่ที่ร้อยละ 31 ในปี 2556 โดยมูลค่าเชิงพาณิชย์ที่ 13,500 เหรียญสหรัฐฯ
สำหรับรายละเอียดผลสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์ทั่วโลกของบีเอสเอ สามารถคลิกชมและดาวน์โหลดได้ที่ www.bsa.org/globalstudy