เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้เชิญบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) บริษัท ทรูมูฟ จำกัด (True Move) และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (DPC) มาประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือ สัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 ที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยในการหารือจะเกี่ยวกับการให้บริการต่อเนื่องเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคภายในระยะเวลา 1 ปี ตามระยะเวลาตามประกาศฉบับดังกล่าว และให้ทั้ง 3 บริษัทร่วมกันจัดทำแผนความคุ้มครองผู้ใช้บริการ ในช่วงมาตรการเยียวยาเพื่อนำเสนอ กทค. ภายใน 15 วันหลังจากที่ประกาศมีผลบังคับใช้ โดยแผนความคุ้มครองผู้ใช้บริการ จะต้องมีเนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้
1. ข้อมูลการให้บริการ เช่น ข้อมูลผู้ใช้บริการ จำนวนคงค้างในระบบ
2. แผนงานประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
3. แผนงานส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นไปอย่างทั่วถึง
4. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ และภาระที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงตลอดเวลา
นอกจากนั้นยังให้ทั้ง 3 บริษัท เร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่ยังใช้บริการบนคลื่น 1800 MHz ให้ทราบ ถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 กันยายน 2556 และให้ผู้ใช้บริการทราบถึงสิทธิได้รับความคุ้มครองให้สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และสิทธิในการใช้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนจนสิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครองไม่เกิน หนึ่งปีตามประกาศไว้ รวมถึงการแจ้งช่องทางการติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านการส่งข้อความสั้น (SMS) สัปดาห์ละสองครั้ง โดยการโทรสอบถามข้อมูลดังกล่าวผู้ใช้บริการจะได้รับยกเว้นค่าใช้บริการจากการโทรศัพท์
สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยซิมไม่ดับ สามารถติดต่อสื่อสารได้ตามปกติ และภายในระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ทราบสิทธิว่าสามารถบริการเปลี่ยนไปใช้บริการกับผู้ให้บริการรายอื่นได้
ในช่วงเวลาเยียวยา รายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นรายได้ของแผ่นดิน จะนำส่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 3 ส่วน คือ ค่าต้นทุนโครงข่าย ค่าธรรมเนียมเลขหมาย และต้นทุนรายจ่ายในการบริหารจัดการ ส่งเข้ากระทรวงการคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน โดยจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณารายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างมาตรการเยียวยา