หลากหลายคำถามคาใจ หลังจากค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เปิดให้บริการ 3G อย่างเต็มรูปแบบภายใต้ใบอนุญาตให้บริการบนคลื่นความถี่ 2100MHz มีประเด็นที่น่าสนใจจากงานสัมมนา “เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า” โดย ไอที24ชั่วโมง ครอบครัวข่าว3 และ สำนักงาน กสทช. หัวข้อ : หยุดคำถามคาใจ ทุกประเด็นสงสัย 3G และ 4G คนที่มาช่วยคลายข้อสงสัยเรื่องของ 3G, 4G ก็คือ พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ (ประธาน กทค. และรองประธาน กสทช.)
ดำเนินรายการโดย คุณปานระพี รพิพันธุ์ และคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ที่มาช่วยซักถามปัญหาและข้อสงสัย
ในช่วงแรก พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ได้อธิบายถึงเรื่องคลื่นความถี่ เรื่องความจำเป็นในการประมูล ภาวะการขาดแคลนคลื่นความถี่ การมาของ 3G 2100MHz สร้างโอกาสใหม่ Content, Handset ใหม่ ทำให้ทุกคนเชื่อมโยงกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต การขาดแคลนคลื่นความถี่ มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ
จากภาพจะเห็นได้ว่า Ranking NRI (network readiness index) ของประเทศไทย ตกลงเรื่อยๆ จากภาวะการขาดแคลนคลื่นความถี่ ที่มีไม่พอ หรือมีการกักตุนคลื่นความถี่ ดังนั้น การจัดสรรคลื่นความถี่ต้องมีการประมูลเท่านั้น เรามีคลื่นว่างคือ 2100MHz และคำถามที่มีคนสงสัยว่า ทำไม TruemoveH ถึงได้นำคลื่น 2100MHz มาทำ 4G ปกติแล้วในบางประเทศ อาจจะนำหลายคลื่นมาทำ 3G, 4G ได้ เช่น 1700MHz 2600MHz เรื่องของความถี่นี่เอง ในปี 2556 จะต้องมีการคืนและประมูลคลื่น 1800MHz ส่วนปี 2558 AIS จะต้องคืนคลื่น 900MHz ในระบบสัมปทาน และมีการเอามาประมูลใหม่
และคำถามคาใจที่หลายคนสงสัย 4G นั้นผู้ให้บริการเอามาให้บริการได้ยังไง ไม่ต้องขออนุญาตหรืออนุมัติหรือ คำตอบคือ การประมูลคือ “ประมูลคลื่นความถี่” แต่เมื่อประมูลไปแล้ว ผู้ให้บริการ จะเอามาทำ 3G หรือ 4G ก็ได้ แต่ภาษาการตลาดใช้คำว่า ประมูล 3G บางประเทศ (ส่วนใหญ่) ใช้คลื่น 1800MHz มาทำ 4G ส่วนบางประเทศใช้คลื่น 2100MHz
คำถามที่ถามกันมาก คือเรื่องของ Fair Usage Policy (FUP) หรือการลดความเร็วการใช้งาน Data หรือการใช้ internet บนมือถือลง เมื่อถึงขีดที่แต่ละค่ายจำกัดไว้ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อปฏิบัติที่นานาประเทศปฏิบัติกัน และมีความจำเป็น ไม่เช่นนั้น ก็จะทำให้ผู้ใช้ ใช้งาน data จนมากเกินกว่าที่ระบบจะรับไหว ถึงแม้จะมีการให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2100MHz แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม Bandwidth ที่รองรับความต้องการใช้ของผู้ใช้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ก็มีแนวโน้มจะไม่เพียงพอ ในอนาคตต้องเร่งดำเนินการประมูล 4G ให้ทันต่อความต้องการของประชาชน
ส่วนเรื่องบริการโทรศัพท์มือถือ ที่ค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้มีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ เป็นจำนวนมากกว่า ทางแก้ไขในระยะยาวคือ จะต้องทำการจัดสรรคลื่นความถี่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นได้ เนื่องจากขณะนี้ ประเทศไทย ประสบปัญหากับการขาดแคลนคลื่นความถี่ที่จะนำมาใช้งานให้บริการประชาชน
ส่วนเรื่องราคาแพ็คเกจของ 3G หากเป็นแพ็คเกจเดิม ที่มีมาก่อนวันที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 GHz จะต้องให้มีราคาลดลง 15% แต่หากเป็นแพ็คเกจใหม่ ที่ให้บริการหลังจากวันที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz จะต้องกำหนดค่าบริการที่ลดลงโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการประเภทเสียง (voice) และบริการที่ไม่ใช่ประเภทเสียง (non-voice) ที่มีการให้บริการอยู่ในตลาด ณ วันที่ได้รับใบอนุญาต
นอกจากนี้ การที่ผู้ให้บริการโฆษณาโดยใช้คำว่า “unlimited” หรือ ใช้เน็ตได้ไม่จำกัด ควรจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ใช้ว่า ใช้เน็ตได้ แม้ครบกำหนดปริมาณการใช้งานที่ตั้งไว้แล้ว ก็ยังใช้งานต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่มีข้อแม้ว่าจะใช้งานบนความเร็วที่ลดลง แต่ถ้าใครใช้เน็ตจนติดลิมิต แล้วไม่ทันใจ สามารถ Topup เติมแพ็คเกจเน็ต โดยเสียเงินเพิ่ม เพื่อซื้อความเร็วที่สูงขึ้นได้
พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ บอกว่า คนไทยใช้ดาต้ากันหนักมาก ไม่เว้นแม้แต่ถ่ายภาพ โพส ก่อนทานข้าว สิ่งที่จะเข้ามาช่วยก็คือการทำ Off-load นำ Wi-Fi มาผสานกับ 3G เพิ่มแบนด์วิธให้ใช้งานได้ดีขึ้น คำถามที่น่าสนใจจาก twitter คือ เมื่อมี 3G แล้ว 2G ยังมีอยู่หรือไม่ ยังไงก็ต้องมีเพราะการโทรคุยแบบ voice call เป็นการโทรบนเทคโนโลยี 2G
และทั้งหมดนี้ คือประเด็นในแทร็คสุดท้ายของงานสัมมนา “เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า” หยุดคำถามคาใจ ทุกประเด็นสงสัย 3G และ 4G ติดตามบรรยากาศได้จาก ข่าวสามมิติ