รีวิว iPad Gen 10 ไอแพด เจน10 ดีไหม ในมุมของผู้ใช้งานจริงที่ได้ลองทดสอบและใช้จริงมาสักระยะหนึ่งแล้ว หลายคนลังเลอยู่ว่าจะจัดรุ่นนี้ดีไหม เพราะพอร์ตชาร์จเปลี่ยนมาใช้ USB – C แทน แล้วก็มีหลายคนออกมาวิจารณ์เรื่องพอร์ตตัวนี้กันอย่างมากมาย ทั้งเรื่องการชาร์จ apple pencil และเรื่องความเร็วของพอร์ตชาร์จ แล้วจริง ๆ จะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลยนะ
ราคา iPad Gen 10th เปรียบเทียบกับราคา iPad Gen 9th
เรื่องราคาขอพูดถึงก่อนเลย เพราะว่าไอแพด 10 ราคาแรงกว่า iPad 9 ถึง 5,000 บาท!! (ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินบาทอ่อนลง ทำให้เมื่อแปลงจาก USD มาเป็น THB แล้ว ราคาก็เลยสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ apple ที่ออกมาในช่วงเวลาเดียวกันราคาก็สูงขึ้นหมดจ้า) แพงขึ้นกว่าเดิมไม่เบา อัปเกรดอะไรมาให้บ้างล่ะเนี่ยยย? เขาก็อัปมาให้หลายสิ่งแหละ แต่จะคุ้มค่าและเหมาะกับแต่ละคนหรือไม่ ต้องลองพิจารณาดูตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดกันต่อในหัวข้อถัด ๆ ไป
ราคาของไอแพด 10 เขาก็จะมี 2 ราคา คือราคาสำหรับรุ่นที่มีเฉพาะ Wi-Fi อย่างเดียวก็จะถูกกว่ารุ่นที่มี Wi-Fi + Cellular ที่เราสามารถใส่ซิมเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตได้นั่นเอง น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้นั่งอยู่กับที่ ต้องใช้ iPad พกไปด้วยเวลาทำงานข้างนอกบ่อยอๆ น้อง ๆ ที่ย้ายห้องเรียนบ่อย ๆ ใช้งานในที่ ๆ ไม่ได้มี Wi-Fi หากมี Cellular ที่ใส่ซิมอินเทอร์เน็ตได้ก็จะช่วยให้ใช้อินเทอร์เน็ตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น .. ส่วนคนที่ชอบนั่งทำงานตามคาเฟ่ Co-working Space หรือในที่สาธารณะอื่น ๆ การใช้อินเทอร์เน็ตส่วนตัวก็จะช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ราคา iPad 10 รุ่น Wi‑Fi เฉพาะตัวเครื่อง
- ราคา ไอแพด gen 10 รุ่น Wi‑Fi : เริ่มต้นที่ 17,900 บาท
- ราคา ไอแพด gen 9 รุ่น Wi‑Fi : เริ่มต้นที่ 12,900 บาท
ราคา iPad 10 รุ่น Wi‑Fi + Cellular เฉพาะตัวเครื่อง
- ราคา ไอแพด gen 10 รุ่น Wi‑Fi + Cellular : เริ่มต้นที่ 23,900 บาท
- ราคา ไอแพด gen 9 รุ่น Wi‑Fi + Cellular : เริ่มต้นที่ 18,400 บาท
น้ำหนักและขนาดของ iPad 10
มาดูรูปร่างกันก่อน ไอแพด 10 มีขนาดของตัวเครื่องใหญ่กว่า iPad 9 เล็กน้อย และขนาดหน้าจอก็ใหญ่กว่าด้วย ส่วนตัวแล้วคิดว่าดูเต็มตามากขึ้น โดยเฉพาะเวลาดูคลิปแนวนอน โดยเขาได้เอาปุ่มโฮมออก ทำให้ตอนนี้ไม่มีแถบสีดำด้านบนและล่างบนหน้าจอแล้ว
จอภาพ iPad Gen 10 เมื่อเทียบกับ iPad Gen 9
- จอภาพ ไอแพด gen 10 : จอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 ที่ 264 ppi
- จอภาพ ไอแพด gen 9 : จอ Liquid retina ขนาด 10.2 นิ้วความละเอียด 2160 x 1620 ที่ 264 ppi
ส่วนด้านน้ำหนัก ถึงแม้ว่า iPad Gen 10 จะขนาดใหญ่กว่า iPad Gen 9 แต่ว่าน้ำหนักของ iPad Gen 10 กลับเบากว่า แต่ก็เบากว่าแค่นิด ๆ หน่อย ๆ อาจจะไม่ค่อยรู้สึกต่างกันมากเท่าไหร่จากรุ่น iPad 9 โดยรุ่นที่มีแค่ WiFi ก็จะมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นที่มี Cellular ด้วยเล็กน้อย
น้ำหนัก iPad Gen 10 เมื่อเทียบกับ iPad Gen 9
- iPad Gen 10 รุ่น Wi-Fi
-
- ไอแพด gen 10 : 477 กรัม
- ไอแพด gen 9 : 487 กรัม
- iPad Gen 10 รุ่น Wi‑Fi + Cellular
-
- ไอแพด gen 10 : 481 กรัม
- ไอแพด gen 9 : 498 กรัม
ดีไซน์ของ iPad 10
ในส่วนของดีไซน์ ไอแพด 10 ทาง Apple ก็จัดเต็มมาให้เลือกถึง 4 สี ทั้งสีชมพู ฟ้า เหลืองและเงิน เมื่อเทียบกับ iPad Gen 9 ที่มีเพียง 2 สีเท่านั้น (สีเงินและเทาสเปซเกรย์) สำหรับสายที่ชอบดีไซน์สีจี๊ด ๆ แปลกใหม่แบบตัวแม่ก็จะเหมาะมาก ๆ แต่คนชอบเรียบหรู ดูคลีน ทาง Apple ก็ยังมีสีเงินให้เลือกอยู่
นอกจากนี้ในเรื่องของตัว Touch ID ก็ได้ย้ายมาไว้ตรงปุ่มเพาเวอร์แทน ถึงแม้จะไม่มีปุ่มโฮมให้แสกนนิ้วแบบรุ่นก่อน ๆ ก็สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นอยู่ดี
สเปคไอแพด 10
ในส่วนของเรื่องชิป ไอแพด 10 ใช้ชิป A14 Bionic แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Air 4 ซึ่ง iPad Gen 9 ใช้เพียงชิป A13 Bionic เท่านั้น
สเปคเครื่อง
- ชิป A14 Bionic
- CPU แบบ 6-core
- GPU แบบ 4-core
- Neural Engine แบบ 16-core เพิ่มจาก iPad 9 ที่เป็นแบบ 8-core
การเชื่อมต่อ
- Wi‑Fi 6 ความเร็วสูงสุด 1.2 Gbps
- Bluetooth 5.2
- รองรับระบบเซลลูลาร์ 5G
ด้วยความที่ใช้ชิป A14 Bionic ทำให้ได้ลองทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง ROV พบว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ไม่ได้มีการตกเฟรมหรือภาพกระตุก แต่หากใช้เล่นเป็นระยะเวลานานอาจจะทำให้ตัวเครื่องร้อนหรือมีการกระตุกเล็กน้อยได้ จึงเหมาะสำหรับการเล่นระยะเวลาสั้น ๆ มากกว่า
สำหรับความจุแบต iPad Gen 10 ใส่มาสูงถึงให้ที่ 8557mAh หากใช้สำหรับการเรียนหรือทำงานทั่ว ๆ ไปก็อยู่ได้ทั้งวันกันเลยทีเดียว
Type-C ของ iPad Gen 10 เปลี่ยนแล้วดียังไง?
แล้วเปลี่ยนพอร์ตชาร์จเป็น Type-C ดียังไง? ในแง่ของความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งานทั้ง iPhone และ iPad อาจไม่ตอบโจทย์มากนัก เพราะต้องใช้สายชาร์จทั้ง 2 แบบในการพกพาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพราะตัวไอแพดเองใช้ Type-C to Type-C ส่วนตัวไอโฟนใช้ Type-C to Lighting แต่ Type-C ก็สะดวกกว่าในเรื่องการเสียบใช้งาน เพราะเสียบได้เหมือนกันทั้ง 2 ด้านเลย นอกจากนี้หากใครมีจอแยกใช้งานก็สะดวกสุด ๆ เพราะสามารถใช้สาย Type-C เสียบจากไอแพดต่อไปที่จอเครื่องที่จะใช้ได้เลย
กล้อง iPad 10 ดีขึ้นยังไงบ้าง?
ครั้งนี้ความพิเศษของกล้อง iPad gen 10 หลัก ๆ จะอยู่ที่ตำแหน่งของการวางกล้องหน้า ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องประชุมออนไลน์หรือเรียนออนไลน์ แล้วมีปัญหาว่า วาง iPad แนวนอนแล้วกล้องมันไปอยู่ข้างๆ แทนที่จะอยู่ด้านบน ทำให้สายตาของเราดูบิดเบี้ยว ตาหลุด! iPad Gen 10 แก้ปัญหานี้ให้คุณแล้ว ตอนนี้กล้องมาอยู่ในจุดที่เมื่อวางแนวนอนแล้ว จะอยู่ตรงกลาง แบบเดียวกับกล้องของ notebook นั่นแหล่ะ การประชุม หรือเรียนออนไลน์ทำได้ดีขึ้น และสะดวกขึ้นต่อการใช้งานในแนวนอนอื่นๆแล้ว นอกจากนี้ยังเพิ่มความละเอียดของกล้องหลังมาให้ด้วย โดยที่กล้องหลังเป็นกล้องไวด์ความละเอียดจะอยู่ที่ 12MP ซึ่งต่างจาก iPad gen 9 ที่มีความละเอียดเพียง 8 MP เท่านั้น ที่สำคัญคือรุ่นนี้รองรับวิดีโอระดับ 4K ด้วย (เพราะ iPad gen 9 รองรับได้เพียง 1080p เท่านั้น)
เรื่องของกล้องไม่ได้มาแค่การย้ายตำแหน่งมาไว้ตรงกลางเครื่องเท่านั้น ยังมีฟังก์ชั่นที่เอาใจสายเรียน สายประชุม นั่นก็คือฟังก์ชั่นในแอพพลิเคชันที่ใช้ในการประชุมต่าง ๆ เช่น Google Meet โดยฟังก์ชั่นนี้ชื่อว่า Portrait (ภาพถ่ายบุคคล) ที่จะช่วยเบลอภาพพื้นหลังระหว่างที่เราประชุมหรือเรียนออนไลน์และ Center Stage (จัดอยู่ตรงกลาง) ที่ไม่ว่าเราจะขยับตัวไปทางไหนกล้องก็จะจับตามเราไปทำให้ตัวเราไม่หลุดออกจากเฟรมกล้อง
การใช้งานฟังก์ชั่น Portrait กับ Center Stage นี้ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงเข้าไปที่ แอปพลิเคชัน Google Meet -> กดเปิดกล้อง -> สไลด์แทบเทาลงมาจะเจอคำว่าเอฟเฟ็กต์วิดิโอ -> กดไปที่ภาพถ่ายบุคคลหรือจัดอยู่ตรงกลางตามต้องการได้เลย
ส่วนกล้องหลังก็สามารถถ่ายภาพได้ชัด เพราะเพิ่มความละเอียดกล้องมาให้ด้วย ทำให้สามารถใช้ถ่ายภาพเอกสาร หรือภาพวัตถุที่มีตัวอักษรได้ชัดดี นอกจากนี้ภาพที่ถ่ายมาแล้วก็ก๊อบเอาตัวอักษรบนภาพนั้นออกมาใช้หรือวางที่อื่นได้ทันที
แล้วอีกฟังก์ชันที่น่าสนใจคือ เวลาถ่ายภาพแล้วต้องการไดคัทเพียงแค่กดส่วนที่ต้องการค้างไว้แล้วกดคัดลอกไปยังคลิปบอร์ดเพื่อวางในแอพเอกสารอื่น ๆ หรือจะกดแชร์แล้ว Airdrop หรือบันทึกลงเครื่องก็ได้นะคะ รูปที่ไดคัทออกมาก็จะเป็นไฟล์ PNG ทันที ซึ่งก็ไดคัทเนียนอยู่นะทุกค๊นนน!
อุปกรณ์เสริมไอแพด 10 ที่มาคู่กันกับไอแพด 10
เมื่อใช้งาน iPad ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Apple Pencil ซึ่งครั้งนี้เป็นข้อถกเถียงของบรรดาสาวก Apple เพราะ iPad Gen 10 ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนพอร์ตเป็น type-C แล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้งานคู่กับ Apple Pencil รุ่นแรก ที่ยังต้องชาร์จด้วย Lighting อยู่ ทำให้การใช้และชาร์จอาจไม่สะดวก เพราะไม่สามารถเสียบชาร์จปากกาที่พอร์ตไอแพดได้ทันทีเหมือนรุ่นอื่นๆก่อนหน้า แต่ก็แก้ปัญหาได้ด้วยการใช้ตัวแปลง USB-C มาช่วยในการชาร์จแทน หรือจะชาร์จปากกาผ่านไอโฟนก็ทำได้
แต่หากมีน้อง ๆ นักศึกษาสนใจอยากมี apple pencil ไว้ใช้คู่กับไอแพด ก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะหากเทียบกับปากกา styllus ทั่ว ๆ ไปแล้ว ปากกาของแอปเปิ้ลเองก็ถือว่ามีความแม่นยำมากกว่า และอาจจะตอบสนองได้รวดเร็วกว่า โดยราคาของ apple pencil รุ่นที่่ 1 จะอยู่ที่ 3,900 บาท และตัวแปลง USB-C ราคา 390 บาท (ตัวแปลงต้องซื้อแยก ไม่ได้แถมนะ ><)
อุปกรณ์อย่างเคสก็เป็นสิ่งที่คู่กับไอแพด แล้วถ้าอยากใช้เคสธรรมดาที่ไม่ธรรมดาล่ะ ถ้าอย่างนั้น Smart Folio อาจจะตอบโจทย์ หลังจากที่มีคนไปตามหากันเยอะ ทาง Apple เลยทำออกมาขายเองซะเลย เพราะตัว Smart Folio นี้มีน้ำหนักเบา จะใส่หรือถอดใช้งานก็สะดวก แม่เหล็กแน่นไม่มีหลุด (ถ้าไม่แกะ) แถมดีไซน์ยังสามารถโชว์สีตรงขอบของตัวเครื่องได้แบบเก๋ ๆ หรือจะตั้งเป็นฐานรองตัวไอแพดก็ทำได้ แต่ก็มีข้อเสียคือห้ามหล่นโดยเด็ดขาด เพราะตัวเคสไม่ได้คลุมรอบตัวเครื่อง โดยราคาจะอยู่ที่ 3,390 บาท มีให้เลือกถึง 4 สี ทั้งสีท้องฟ้า สีแดงแตงโม สีเหลืองเลมอน และสีขาวต่อมาที่เป็นไฮไลท์และออกมาใหม่พร้อมไอแพด 10 รุ่นนี้ นั่นก็คึอ “Magic Keyboard Folio” ที่เป็นการออกแบบมาใหม่เลย และถ้ามีคู่กันแล้วแทบจะเป็นแล็ปท็อปเครื่องหนึ่งเลยล่ะ เพราะนอกจากจะดูสวยหรูแล้ว ยังออกแบบมาให้พิมพ์ได้อย่างแม่นยำ สบายมือ เสียงค่อนข้างเงียบและตอบสนองได้ดีเหมือนใช้แม็คบุ๊ค คีย์บอร์ดตัวนี้มาพร้อมกับเคสที่สามารถตั้งและปรับระดับจอได้ มีความแข็งแรงกว่า Smart Folio และสามารถยืดหยุ่นในการปรับจอ เพราะปรับเอียงมากน้อยได้ตามใจเรามากกว่า
แต่อาจจะมีข้อเสียตรงค่อนข้างมีน้ำหนัก เพราะน้ำหนักเมื่อถือ Magic Keyboard Folio กับไอแพดคู่กันแทบจะเทียบเท่า Macbook Air 13 M2 (OMG) และเฉพาะเคสนี้อย่างเดียวก็มีราคาสูงถึง 9,990 บาทกันเลยทีเดียว!! ( ซื้อไอแพด 10 ครบเซท ก็ได้จ่ายราว 30,000 เรยนะ)
สรุปแล้ว iPad Gen 10 เหมาะกับใคร?
หลังจากที่ได้ใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่า iPad รุ่นที่ 10 นี้เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาหรือคนที่ต้องการใช้งานในระดับทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ใช้ทำงานเอกสารทั่วไป หรือใช้เรียนออนไลน์ต่าง ๆ ระยะเวลาการใช้งานสามารถอยู่ได้ทั้งวัน หรือหากจะเล่นเกมเบา ๆ ก็สามารถทำได้ แต่เกมที่ต้องใช้ค่าเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง Rov ก็สามารถทำได้ในระดับกลาง ๆ แต่อาจไม่เหมาะกับการเล่นเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้การที่จะเล่นได้อย่างลื่นไหลก็ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ตและ Wi-Fi ที่ใช้ด้วย ส่วนเรื่องกราฟฟิกต่าง ๆ ในเกมถือว่าภาพแสดงผลออกมาค่อนข้างดี กราฟฟิกสีสันสดใส เล่นในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่มีอาการภาพกระตุกใด ๆ
ส่วนการใช้งานคู่กับ Apple Pencil 1 นอกจากเรื่องพอร์ตชาร์จที่เป็นข้อถกเถียงอยู่นั้น การทดสอบใช้งานกับแอพวาดภาพอย่าง Procreate ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับสายที่ชื่นชอบการวาดรูป เพราะสามารถวาดรูปสวย ๆ ได้แบบสบาย ๆ ส่วนคนที่ชอบจดโน๊ตหรือจดเอกสารต่าง ๆ ก็เหมาะเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นปากการุ่นเก่ากับสเปคที่เพิ่มขึ้นของ iPad รุ่นใหม่ก็สามารถทำออกมาได้ดีทั้งในเรื่องวาดรูปและจดเอกสาร แถมยัง Airdrop ไปหาอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
หากต้องการทดลองใช้งาน หรืออยากจะสัมผัสประสบการณ์กับเครื่องจริงก็สามารถไปทดลองได้ที่ Apple Store หรือ Shop ที่วางจำหน่ายได้ทุกสาขา หรือจะลองเทียบสเปคกับรุ่นอื่น ๆ ผ่านเว็บ https://www.apple.com/th/store ก่อนก็ได้นะ
สามารถอ่านรีวิวสินค้าไอทีอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.it24hrs.com/