iPad Air 5 เปิดตัวเมื่อ 8 มีนาคม 2022 หลายคนจึงเรียกว่า iPad Air 2022 ซึ่งเป็น iPad ที่มาพร้อมกับชิป M1 พลังแรง ซึ่งในตอนเปิดตัวนั้น iPad Air 5 ใช้ชิปตัวเดียวกันกับiPad Pro M1 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้า โดย iPad Pro 2021 เปิดตัวเมื่อ 20 เมษายน 2021 โดยถือเป็นตัวแรกสุดในตระกูล iPad ที่มาพร้อมชิป M1 และก็วางขายในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้หลายคนเกิดความลังเลทีเดียวว่า จำเป็นจะต้องซื้อ iPad Pro M1 หรือไม่ ในเมื่อ iPad Air 5 ก็มาพร้อมชิป M1 แล้วราคาเครื่องก็เบากว่ากันเยอะ
สำหรับ iPad Air 5 นี้ มาพร้อมชิป M1 พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต 5 นาโนเมตร โดยสเปคของซีพียูนั้น เป็น CPU แบบ 8 Core, กราฟิกแบบ 8 Core และ Neural Engine แบบ 16 core
ขนาดของเครื่อง iPad Air 5
- iPad Air 5 มีขนาดไซด์เดียวคือ 10.9 นิ้ว ดีไซด์คล้ายกับ iPad Air 4 ในขณะที่ถ้าเป็น iPad Pro จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว และ 9 นิ้ว
น้ำหนักของ iPad Air 5
สิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างนึงก็คือเรื่องน้ำหนัก ที่สำคัญเพราะต้องถือ iPad ตลอดเวลา
iPad Air 5 และ iPad Pro 11 นิ้ว น้ำหนักพอๆกัน 461 กรัม , 466 กรัม แต่ถ้าเป็น iPad Pro 12.9 จะหนักถึง 682 กรัม ในรุ่น wifi และ 684 กรัม ในรุ่น wifi + cellular แบบนี้จะเป็นสาวร่างบางหรือหนุ่มร่างใหญ่ก็ต้องลองชั่งใจกันดูนะครับ
สีเครื่อง iPad Air 5
- iPad Air 5 มีให้เลือก 5 สี คือ สี space gray , สี starlight สีชมพู สีม่วง สีฟ้า แต่ถ้าอยากจะไปทางสาย iPad Pro ล่ะก็ ก็ยังคงมีให้เลือกเพียง 2 สีเช่นเดิม คือ space gray และ สี silver หากใครเป็นคนชอบสีสันสวยงาม และมีให้เลือกเยอะ ก็คงจะต้องเลือก iPad Air ล่ะนะ J
ความจุ (ROM) iPad Air 5
- iPad Air 5 มีความจุให้เลือก 2 ความจุ
- 64GB
- 256GB
- iPad Pro มีความจุให้เลือกถึง 5 ความจุ
- 128GB
- 256GB
- 512GB
- 1TB
- 2TB
หน่วยความจำ (RAM) iPad Air 5
iPad Air 5 ให้แรม 8 GB อย่างเดียว เสปคเดียว แต่หากเป็น iPad Pro ก็จะมี RAM ที่แตกต่างกัน
ระบบรักษาความปลอดภัยและยืนยันตัวตนของ iPad Air 5
iPad Air มีปุ่ม Touch ID ที่ปุ่มด้านบน (ส่วน iPad Pro จะใช้เป็นการสแกนใบหน้าด้วย Face ID)
การแสดงผลหน้าจอ iPad Air 5
iPad Air 5 หน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ขนาดเดียว โดยเป็นจอภาพ Liquid Retina ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ LED ความสว่างสูงสุด 500 นิต
ในขณะที่ถ้าเป็น iPad Pro จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว
กล้องของ iPad Air 5
กล้องหลัง
- iPad Air 5 กล้องหลังเป็นกล้องไวด์ ความละเอียด 12 MP ไม่มี FLASH (แต่หากเป็น iPad Pro จะมาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวคือ กล้องไวด์ และอัลตร้าไวด์ และยังมาพร้อม LiDAR เซ็นเซอร์ สำหรับงานพวก 3D แล้วก็ยังมีแฟลซมาให้ด้วย)
กล้องหน้า
กล้องหน้าของ iPad Air 5 เป็นอัลตร้าไวด์ 12MP รองรับ Center Stage
การซูม
iPad Air 5 ซูมดิจิทัล 5 เท่า
การบันทึกวิดีโอด้วย iPad Air 5
iPad Air 5 รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K สูงสุดที่ 60Fps โดย iPad Air 5 สามารถซูม 3 เท่าขณะถ่ายวีดีโอและไม่มีซูมเสียง กับบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ เหมือนใน iPad Pro
พอร์ตการเชื่อมต่อ iPad Air 5
มี พอร์ต USB-C ความเร็วถ่ายข้อมูล 10 Gbps (ซึ่งความเร็วในการถ่ายข้อมูลจะน้อยกว่าใน iPad Pro ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลของ iPad Pro เร็วกว่า iPad Air)
กรณีเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular ตัว iPad Air รองรับ 5G รองรับ Nano sim และ e-sim และในส่วนของ wifi ตัว iPad Air 5 ก็รองรับ Wi-Fi 6
เรื่องของเสียง iPad Air 5 มีระบบเสียง 2 ลำโพงในแนวนอน (ส่วน iPad Pro มีระบบเสียง 4 ลำโพงนะ)
อุปกรณ์เสริม
iPad Air 5 รองรับ Apple Pencil รุ่น 2 เช่นเดียวกันกับ iPad Pro M1 และ iPad Pro M2
รองรับการใช้ร่วมกันกับ Smart Keyboard Folio และ Magic Keyboard เหมือนกันกับ iPad Pro M1 และ iPad Pro M2
อุปกรณ์ภายในกล่อง iPad Air 5
1.ตัวเครื่อง iPad
2.สายชาร์จ USB-C
3.อะแดปเตอร์ USB-C 20W
ราคา iPad Air 5
iPad Air 5 เริ่มต้นที่ขนาดความจุ 64GB
- รุ่น Wi-Fi ราคา 20900 บาท
- รุ่น Wi-Fi+Cellular ราคา 25,900 บาท
ประสิทธิภาพการใช้งาน iPad Air 5
ในการใช้งานโดยทั่วไป เช่น ดูหนังดูภาพยนตร์หรือวีดีโอรายการต่างๆ การเข้าเว็บไซต์ทั่วๆไป ในส่วนนี้ก็สามารถใช้งานทั่วๆไปได้สบายๆอยู่แล้ว จนแทบจะไม่รู้สึกถึงประสิทธิภาพของชิป M1 เท่าไร ทางทีมงานเลยได้นำมาใช้ในการทำงานระดับการตัดต่อวีดีโอ 4K การทำงาน 3D การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ รวมถึงการเทสการเล่นเกมกราฟฟิกหนักๆ ทำให้เราได้เห็นชัดของความลื่นไหลของการใช้งาน ประสิทธิภาพ ของชิปประมวลผล M1
ประสิทธิภาพการใช้งานด้านการตัดต่อของ iPad Air M1 (IPad Air 5)
ในการตัดต่อวีดีโอ 4K ในโปรแกรม LumaFusion ทำให้เราเห็นเลยว่า ประสิทธิภาพของชิป M1 สามารถทำให้เราทำงานตัดต่อได้ลื่นไหล หรือแม้แต่การตัดวีดีโอที่ต้องสลับกล้องไปมามากถึง 4 กล้องสำหรับรายการสัมภาษณ์
ก็ทำให้เราเห็นว่า iPad Air 5 ที่มาพร้อมชิป M1 นี้สามารถทำงานได้ลื่นไหลเลย รวมถึงการเรนเดอร์ไฟล์วีดีโอ ก็สามารถทำได้ในระดับที่รวดเร็วทันใจผู้ใช้งานเลย โดยรวมแล้วในการทำงานด้านการตัดต่อต่างๆสามารถทำได้สบายๆ แต่จะมีปัญหาในส่วนของพื้นที่จัดเก็บ ที่ iPad Air 5 จะมีให้เลือกสูงสุดเพียง 256GB ซึ่งการทำงานด้านนี้อาจจะไม่พอสำหรับความจุเท่านี้ ซึ่งต่างจากรุ่นพี่อย่าง iPad Pro M1 ที่มีความจุให้เลือกสูงสุดถึง 2TB
แต่ทั้งนี้ในการทำงาน สำหรับ iPad Air 5 ก็ยังสามารถใช้พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ต่อกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้ ซึ่งก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 10 Gbps ทำให้การถ่ายโอนรูปภาพและวีดีโอขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว (แต่ถ้าเป็น IPad Pro ก็จะถ่ายได้เร็วกว่า)
ประสิทธิภาพการใช้งานด้านการทำงาน 3D ของ iPad Air 5
ในส่วนของการทำงาน 3D ทีมงานเราได้ทดสอบการทำงานในโปรแกรม Shapr3D โดยเราได้ทดสอบสร้างชิ้นงาน 3D ขึ้นมา โดยระหว่างการสร้างงาน เราได้สัมผัสถึงความต่อเนื่องลื่นไหล แม้ว่าการทำงานลักษณะนี้ เราต้องอาศัยมุมมองในหลายๆด้าน จึงทำให้มีการ Touch หน้าจอไปมาตลอดเวลา โดยเจ้า iPad Air 5 ตัวนี้ก็ทำงานได้ดีมากๆ ไม่มีอาการกระดุก หรือสะดุดให้เห็นเลย ทำให้การทำงานลาบลื่นทันใจแน่นอน
ประสิทธิภาพการเล่นเกมของ iPad Air 5
มาในส่วนของการเล่นเกมกันบ้าง ทีมงานได้ทดสอบการเล่นเกม อย่าง World of Tanks, PUBG, Genshin Impact โดยในการเล่นเกม iPad Air 5 ก็สามารถปรับค่า frame per second ได้สูงสุดที่ 60 fps ก็คือปรับได้ค่าสูงสุดตามสเปคหน้าจอที่ให้มา คืออัตรา Refresh rate 60Hz นั่งเอง โดยในการเล่นเกมที่อัตรา frame per second ที่ 60fps สูงสุดตลอดเวลา และปรับโมทกราฟฟิกทุกอย่างสูงสุด ก็ยังสามารถเล่นเกมได้แบบไม่กระตุกเลย ในส่วนนี้เรื่องความร้อนสะสมก็มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้ค่า frame per second ตกลงมาระหว่างการเล่นเกม
แต่ iPad Air 5 เครื่องนี้ สามารถจัดการความร้อนได้อย่างดี เมื่อเล่นเกมไปพักใหญ่ๆ ตัวเครื่องก็แค่อุ่นๆเท่านั้นเอง ต่างกันกับการที่เราเล่นบน Smart Phone อย่างสิ้นเชิง เพราะโทรศัพท์ทั่วไปจะจัดการกับความร้อนได้ยากกว่าเพราะมีขนาดเล็กกว่านั่นเอง เลยส่งผลให้การเล่นเกมบน iPad Air 5 สามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า โดยไม่ต้องพักเครื่องเพื่อให้ความร้อนลดลง โดยรวมแล้ว แม้ iPad Air 5 จะมีอัตรตรา Refresh rate เพียงแค่ 60Hz ต่างจาก iPad Pro ที่มีอัตรา Refresh rate ถึง 120Hz
ซึ่งจะทำให้สามารถเล่นเกม ที่อัตรา frame per second สูงสุดที่ 120fps แต่ iPad Air5 ก็สามารถเล่นเกมต่างๆได้อย่างไหลลื่น ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าภาพไม่สมูทแต่อย่างใด ภาพสวย สีสันสดใส
สรุป iPad Air 5 เหมาะกับใคร
iPad Air 5 นี้ เหมาะกับผู้ใช้ระดับกลาง อยากได้ประสิทธิภาพสูง จด วาด เขียนทั่วไป ทำงานหนักได้ ในราคาที่ไม่แรงเกิน แต่ก็อาจจะมีหน่วยความจำจำกัดสักหน่อย อย่างไรก็ตาม ความสามารถและความจุนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานระดับทั่วๆไป ซึ่งก็ใช้ได้ทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ซึ่งหากพื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอ ก็สามารถต่อเชื่อมกับ external hard disk เพิ่มได้ โดยอาจเลือกใช้เป็น external HD แบบ solid state ที่เข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า เพื่อการทำงานที่ไหลลื่นยิ่งขึ้น ซึ่ง iPad Air ก็ถือเป็น iPad ที่ขายดีที่สุดในตระกูล iPad อยู่แล้ว ซึ่งก็อาจเพราะว่า มีความลงตัวในทุกๆส่วน ทั้งประสิทธิภาพที่ดี เพียงพอต่อการใช้งาน น้ำหนักที่เบา และราคาที่กำลังพอดีนั่นเอง
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
รีวิว iPad Air 5 ชิป Apple M1 หลังใช้จริง
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs