รถบรรทุกน้ำหนักเกินระวัง! กทม. เตรียมติดตั้ง AI ตรวจวัดน้ำหนักรถบรรทุกตามถนนและสะพาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังเกิดเหตุการณ์ที่มักกะสันและเหตุการณ์ที่ ถนนสุขุมวิท 64/1 ที่มีกรณีรถตกลงไปในบริเวณที่ก่อสร้าง ว่า ทั้ง 2 กรณี เป็นการขุดถนนเพื่อทำเป็นชาร์ปสำหรับการก่อสร้าง เคสมักกะสันเมื่อวันอังคารเป็นท่อระบายน้ำของ กทม.เอง เคสเมื่อพุธนี้เป็นเคสของการไฟฟ้านครหลวงที่เป็นโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินจะเป็นแผ่นชั่วคราวที่วางปิด ทั้ง 2 กรณีคล้ายกันคือมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน เคสแรกรถวิ่งรถบรรทุกผ่านไปได้แล้วรถกระบะตก แต่เคสเมื่อวานนี้รถบรรทุกตกและติดอยู่ในแผ่นที่ทรุดตัว การบรรทุกน้ำหนักเกินก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง อีกสาเหตุคือ เป็นเรื่องปัญหาการก่อสร้างหรือไม่ เช่นปัญหาเรื่องคุณภาพของการก่อสร้าง หรือความเรียบร้อยของการก่อสร้าง ก็ต้องพิสูจน์เช่นกัน
เรื่องน้ำหนักบรรทุก ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนพอสมควร ต้องบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของ กทม. ร่วมกับทางตำรวจด้วย ปัจจุบันพรบ.ทางหลวง กำหนดให้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลทางหลวงท้องถิ่น กทม.จึงเป็นผู้ออกกฎน้ำหนักบรรทุกเอง ซึ่งได้ออกไปแล้ว สำหรับการบังคับใช้ที่ผ่านมา กทม.ไม่ได้ชั่งน้ำหนักรถบรรทุกเพราะรถบรรทุกไม่ได้วิ่งเฉพาะในกทม. แต่จะออกไปทางหลวง หรือทางหลวงชนบทรอบนอก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วด่านชั่งน้ำหนักจะอยู่พื้นที่นี้ ส่วนเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกทม.จับกุมต้องส่งตำรวจดำเนินคดีเพราะเป็นคดีอาญา เพราะฉะนั้น การดำเนินการในอนาคตคงต้องจัดชุดร่วมกับตำรวจและหน่วยงานที่มีเครื่องชั่งน้ำหนักในการดำเนินการ
ทั้งนี้ เรื่องน้ำหนักเราไม่ได้ไว้วางใจตั้งแต่ออกประกาศไป เราก็มีกระบวนการทำงานร่วมกับนักวิจัยในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งการตั้งด่านในเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะส่งผลกระทบหลายด้าน ตามหลักที่คิดคือจะเอาตัววัดไปอยู่บนสะพานต่าง ๆ เรียกว่า Weigh-In-Motion (WIM) ซึ่งได้มีการจ้างคณะอาจารย์เมื่อ 2 เดือนที่แล้วเพื่อทดลองใช้ และได้ส่งทะเบียนรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุไปดูในฐานข้อมูลซึ่งได้ประวัติออกมาว่าเคยตรวจวัดได้ว่าบรรทุกน้ำหนักเท่าไหร่ แต่ตรงนี้ยังเป็นข้อมูลในเชิงวิชาการ ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำให้รอบคอบเพราะสามารถเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ และขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่ามีความผิด แต่ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่ากทม.เริ่มนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้แล้ว
ดังนั้น การดำเนินการในระยะสั้น กทม.จะร่วมกับกรมทางหลวงในการนำเครื่องชั่งน้ำหนักมาใช้ตรวจวัด และสั่งการให้สำรวจไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีอยู่ทั้งหมด 317 แห่ง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสำรวจตรวจสอบไซต์งานของตัวเอง รวมถึงฝาบ่อ 879 บ่อ ระยะกลาง กทม.จะติดตั้งระบบ Weigh-In-Motion ให้มากขึ้น เพื่อทำให้การวัดมีมาตรฐาน รวมไปถึงเรื่องกฎหมายต้องเสนอทางรัฐบาลในการปรับให้เข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากมีพ.ร.บ.และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน และต้องประสานกับตำรวจให้มากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่เทศกิจ กทม. มีอำนาจจับกุมและต้องส่งต่อให้ตำรวจเพื่อดำเนินคดี ซึ่งในขณะนี้สิ่งที่ประชาชนจะช่วยได้คือเมื่อพบการกระทำผิดให้ร้องเรียนผ่าน Traffy Fondue ของกทม.อีกทางหนึ่ง
ด้าน รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในอนาคต กทม.จะมีการนำเทคโนโลยี AI ตรวจวัดน้ำหนักรถบรรทุก มาช่วยเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้ออุปกรณ์ หากได้ผลการศึกษาที่ชัดเจนก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเลือกสะพานที่จะติดตั้งอุปกรณ์ AI ดังกล่าวเพื่อตรวจวัดน้ำหนักรถบรรทุก นอกจากนี้ยังการนำเทคโนโลยีการสแกนพื้นทางวิศวกรรมด้วย GPR (Ground Penetration Radar) เพื่อแก้ไขปัญหาจุดอ่อนในเรื่องพื้นดินทรุดจากชั้นดินต่างๆ
ทางด้านฝั่งรัฐบาล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แผ่นซีเมนต์ฝาปิดท่อฯ รับน้ำหนักรถบรรทุกดินเหนียวไม่ไหว ทำให้ทรุดตัวลง โดยนายกรัฐมนตรีได้รับทราบปัญหาเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร และกรมทางหลวงตรวจสอบ ส่วนปัญหาเรื่องส่วยทางหลวง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นปัญหามานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ โดยนายกฯ ให้ความสำคัญกับทุกปัญหาและจะพยายามแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ไม่ต้องการให้ เวลามีปัญหาแล้วมาแก้และก็ลืม ซึ่งได้มีการกำชับอยู่ตลอดเวลา
อ้างอิง และ cover กรุงเทพมหานคร , รัฐบาลไทย
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs