สาย USB-C กลายเป็นสายที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่รองรับแล้ว รวมถึงตระกูล Apple รุ่นล่าสุดทั้ง iPhone , iPad , Mac ก็ใช้ USB-C ทั้งหมดแล้ว และฝั่ง Android ส่วนใหญ่ก็ใช้ USB-C มาหลายปีแล้ว และฝั่ง Windows เองก็มีคอมพิวเตอร์ที่มีพอร์ต USB-C มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวพอร์ต USB-C และไม่ใช่ทุกสาย USB-C ที่คุณสามารถซื้อได้จะทำงานได้เหมือนกัน หากคุณยังใหม่กับพอร์ต USB-C ละก็ลองอ่านบทความนี้คือสิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับ USB-C
ใช้สาย USB-C อย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้อุปกรณ์พังได้
นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้ USB-C ใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้ ใน USB รุ่นก่อนๆ สายเคเบิลก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสายเคเบิลเลยทีเดียว แน่นอนว่า หากคุณเสียบสาย USB 1 เข้ากับพอร์ต USB 2 อาจใช้งานไม่ได้หรืออย่างน้อยก็ทำงานได้ดี แต่นั่นก็มีขีดจำกัด หากคุณไม่ทราบและใช้จ่ายแต่ USB-C ราคาถูกละก็อาจทำให้อุปกรณ์พังและคุณต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ก็เป็นได้
มีวิธีในการซื้อสาย USB-C ที่ไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณเสียหาย ต้องจำไว้ว่าสาย USB-C หัวเดียวกัน แต่ไม้ได้ถูกสร้างมาเท่ากันทั้งหมดและต้องเช็กให้ดีว่าเข้ากับอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บ https://usbccompliant.com/
พอร์ต USB-C แต่ละพอร์ตของอุปกรณ์ไม่เหมือนกัน
อย่างไอโฟน 15 รองรับ USB-C 2.0 แต่ ไอโฟน 15 Pro รองรับ USB-C 3.0 ซึ่งมีการจัดส่งข้อมูลมากกว่า แต่ต้องใช้กับสายที่รองรับเช่น Thunderbolt 3 ในการรับส่งข้อมูลที่ไวขึ้น และรองรับการออกทีวีแบบ 4K ได้
เรื่องดองเกิ้ลนรกมีจริง
คือสาย USB-C แบบใช้เสียบกับดองเกิ้ล ที่มีขายในตลาดทั่วไปราคาถูก กลับไม่สามารถเข้ากับสายและอุปกรณ์ของคุณ แล้วนำมาใช้ร่วมกับคอมหรือทีวีได้ ซึ่งปัญหานี้พบบ่อย ดังนั้นควรตรวจสอบให้ดีว่าดองเกิ้ลเข้ากับสาย USB-C คุณและอุปกรณ์ของคุณหรือไม่
อ้างอิง howtogeek cover iT24Hrs-S
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
สาย USB-C กับ 3 ปัญหาของสาย USB-C ที่คุณควรรู้
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs