จากข่าวทรูดีแทค ประกาศจับมือกัน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 โดยเป็นการประกาศสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยจะปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีฮับ พร้อมเสริมธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ การสร้างดิจิทัลอีโคซิสเต็ม และกองทุนสตาร์ทอัพ เพื่อสอดรับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาค หลายท่านเกิดความสงสัยเกี่ยวกับความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการร่วมมือแบบไหน? ทรูดีแทคควบรวมกันทำได้หรือ? ใช่การควบรวมหรือไม่? เมื่อ true ควบรวม dtac จะเกิดการผูกขาดหรือไม่? ทรูซื้อดีแทคเหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้บริโภคถ้า true dtac ควบรวมกัน ? จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เมื่อจะเหลือผู้ให้บริการเพียง 3 รายในไทย (true+dtac, AIS , NT) จากเดิมที่เคยมี 5 ราย แล้วก็เหลือ 4 รายเมื่อไม่นานมานี้ (เพราะ TOT ควบรวมกับ CAT เป็น NT เมื่อต้นปี 2564) เราจึงรวบรวมข้อมูลทั้งจากข่าว จากการสอบถาม และรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาเขียนสรุปเป็นบทความนี้
การควบรวม true และ dtac ยังไม่เกิดขึ้นทันที ยังใช้เวลาอีกนานที่จะเห็นทรูดีแทคควบรวม
โดยการลงนาม MOU ระหว่าง true dtac ที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 นั้น เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน เพื่อจะปรับเปลี่ยนโครงสร้าง สู่บริษัทเทคโนโลยี โดยที่เครือซีพี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทรู และกลุ่มเทเลนอร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดีแทค ตั้งเป้าที่จะหา ข้อสรุปในรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) ไม่ใช่ทรูซื้อดีแทคอย่างที่มีการเข้าใจผิดกัน ซึ่งจะส่งผลให้ เครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ถือหุ้นเท่าเทียมกันในบริษัทใหม่ ที่จะร่วมกันสร้างขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง ทรูและดีแทค จะต้องดำเนินการตรวจสอบกิจการของอีกฝ่ายหนึ่ง (Due Diligence) ตลอดจนการขออนุมัติที่เกี่ยวข้องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท ตลอดจนการดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้เรียบร้อยอีก ซึ่งกระบวนการโดยรวมทั้งหลายยังต้องใช้เวลานาน โดยทั้งธุรกิจของ true และ dtac ต่างคนก็ต่างยังคงดำเนินไปตามปกติ true และ dtac ยังคงให้บริการเหมือนเดิม
ทรูกับดีแทครวมกันตั้งบริษัทใหม่ เพื่ออะไร? บริษัทใหม่ true dtac ชื่ออะไร?
ด้วยภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (Telecom Landscape) ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากเทคโนโลยีใหม่ และตลาดที่เปิดกว้างต่อการแข่งขัน มีผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมดิจิทัลขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเข้ามาเสนอรูปแบบบริการดิจิทัลมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทยก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากจะต้องพัฒนาการให้บริการเครือข่ายแล้ว ยังต้องเสริมศักยภาพและความรวดเร็วในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงข่ายการสื่อสารที่มี และส่งมอบนวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้าอีกด้วย ทำให้ต้องปรับโครงสร้าง ของบริษัทไทย สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี ให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นชั้นนำระดับโลกได้ โดยโทรคมนาคม (Telecom) ยังคงเป็นธุรกิจหนึ่งของโครงสร้าง และยังต้องพัฒนาธุรกิจเพิ่มเติม เช่น AI , Cloud , IoT , smart city, และปรับโครงสร้างเพื่อให้สนับสนุนการลงทุนใน Tech Startup โดยการตั้ง Venture Capital ที่มุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพไทย และสตาร์ทอัพต่างประเทศที่ตั้งในประเทศไทย รวมถึงศึกษาด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจด้วย การที่ทรูดีแทคควบรวมกันแล้วตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) จึงตอบโจทย์เหล่านี้
สำหรับบริษัทใหม่ true dtac ที่จะตั้งขึ้นมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีนี้ (ถ้าทรูดีแทคควบรวมกัน) ตามข่าว คาดว่าจะชื่อ Citrine Global
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ true และ dtac รวมกัน
- การควบรวมกันครั้งนี้เป็นการร่วมกันเปิดเป็นบริษัทใหม่ที่เป็นTechnology Company ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นโดยทั้งสองฝ่ายจะถือหุ้นเท่าเทียมกัน และการรวมนี้จะเป็นการเสริมกำลังให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของไทยจึงน่าจะเพิ่มมากขึ้นและเพิ่มได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย ซึ่งก็น่าจะส่งผลดีต่อประเทศไทยต่อไป
- การนำ infrastructure ของทั้งสองฝ่าย มารวมกัน ก็น่าจะยิ่งนำสู่การให้บริการที่ดีขึ้น พัฒนาอะไรใหม่ๆได้เร็วขึ้นกว่าการแยกกันอยู่ สัญญาณการให้บริการก็น่าจะยิ่งดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้นอีกด้วย เพราะเป็นการนำทรัพยากรที่มีอยู่แล้วของทั้งสองฝ่ายมารวมกันและต่อยอดต่อไป เพราะหากต่างฝ่ายต่างลงทุนในส่วนของเครือข่ายเพื่อพัฒนาบริการให้ดีขึ้น ก็เป็นการลงทุนที่สูงมากอาจส่งผลต่อการตัดสินใจที่จะลงทุนและยังอาจใช้เวลามาก แต่การนำทรัพยากรมารวมกัน จะเป็นการเร่งสปีดของการพัฒนาให้เร็วขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค
- การแข่งขันในตลาดที่ต้องแข่งขันกันให้บริการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม ก็น่าจะยังคงมีอยู่ เพราะยังมีค่ายมือถืออีก 2 ค่าย ได้แก่ AIS และ NT ที่ก็ยังคงต้องแข่งขันกันต่อไป ภายใต้การกำกับดูแลคุ้มครองผู้บริโภคของภาครัฐที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ส่วน true และ dtac ในตอนนี้ เป็นอย่างไร ลูกค้า true ลูกค้า dtac จะเป็นอย่างไร?
ทั้ง ทรู และ ดีแทค ยังดําเนินธุรกิจให้บริการตามปกติเหมือนเดิม การที่ประกาศความร่วมมือกันเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการลงนามศึกษา “ความเป็นไปได้” เพื่อรู้ว่าทั้ง 2 บริษัทมีอะไร ก่อนเข้าร่วมในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน เพื่อจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างสู่บริษัทเทคโนโลยี (Technology Company ) ในที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นตอนนี้ ลูกค้าทรูยังเป็นลูกค้าทรู ลูกค้าดีแทคก็ยังเป็นลูกค้าดีแทค เหมือนเดิม
การควบรวมในวงการโทรคมนาคมไทยเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 CAT และ TOT ก็เพิ่งจะควบรวมกิจการ จนมาเป็น NT หรือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน เพื่อพัฒนาบริการที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติที่จะช่วยให้พัฒนาเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการนำทรัพยากรที่ทั้ง CAT และ TOT มีอยู่เดิม ทั้งในด้านเสาโทรคมนาคม, เคเบิลใต้น้ำ, คลื่นความถี่, ท่อร้อยสายใต้ดิน, Fiber Optic, Data center, ระบบโทรศัพท์ มาเสริมแกร่งให้บริการโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศได้มากขึ้น และนำความแข็งแกร่งของแต่ละองค์กรมารวมกัน เพื่อให้เกิดบริการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามกระบวนการในการควบรวมของ CAT และ TOT นั้นใช้เวลาเป็นปีทีเดียวกว่าจะควบรวมได้เรียบร้อย
ในส่วนกรณี true กับ dtac ถ้าหากรวมมาเป็น Tech Company ได้สำเร็จ บริษัทนี้ก็น่าจะส่งเสริมภาคธุรกิจ ส่งเสริมด้าน Digital Ecosystem ส่งเสริม startup และได้ขยายขอบเขตสู่การทำเทคโนโลยีด้านอวกาศ และทั้งนี้การรวมกันก็น่าจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของทั้ง 2 ฝ่ายที่มีอยู่เดิม มาเสริมแกร่ง พัฒนาต่อยอด นำไปสู่การบริการที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับโลกได้ง่ายขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศไทยได้เร็วขึ้น
ประเทศอื่นมีกี่โอเปอเรเตอร์ ? การมีโอเปอเรเตอร์มากหรือน้อยดีกว่ากัน ?
นั่นสิ่ แล้วประเทศอื่นเค้าเป็นอย่างไรกัน จากการที่เราได้ลองค้นดูรายชื่อโอเปอเรเตอร์ในแต่ละประเทศ ก็พบว่า ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่จะมี mobile network operator 3 ราย ขณะที่เมื่อสำรวจประเทศทั่วโลก ก็พบว่ามีประเทศไม่มากเลยที่จะมี mobile operator มากกว่า 4 ราย
เป็นที่น่าสังเกตว่าการมี mobile network operator จำนวนมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถให้บริการที่ดีพอได้ เพราะการลงทุนในการทำกิจการประเภทนี้เป็นการลงทุนที่สูงมากระดับหมื่นล้าน หากมีรายเล็กๆจำนวนมาก ก็อาจจะส่งผลต่อการให้บริการที่มีคุณภาพได้ยาก ขณะเดียวกัน หากมีผู้ให้บริการน้อยเกินไป ก็จะไม่เกิดการแข่งขัน ดังนั้นเราจึงมองว่าต้องมีตัวเลขที่ optimum โดยความ optimum ของแต่ละประเทศก็จะเกิดจากบริบทที่แตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมี trade off มีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งภาครัฐก็ควรจะดูแลให้เกิดการแข่งขันในระดับที่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไปจนเกิดการผูกขาด และไม่มากเกินไปจนผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้แล้วส่งผลถึงคุณภาพของบริการในที่สุด (เช่นเดียวกับปัญหาทีวีดิจิทัลในไทยที่มีผู้เล่นมากเกินไป)
การที่ dtac true ควบรวมกัน ดีต่อคนไทยหรือไม่ อย่างไร ?
- การที่ true dtac จะควบรวมกันและจะตั้งเป็นบริษัทเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ เพื่อทำบริการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยโทรคมนาคมจะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เพื่อแข่งขันระดับโลกได้นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย0 (Thailand 4.0) ที่จะให้ประเทศไทยก้าวเป็นฮับของเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค
- การควบรวมกันนี้ จะเป็นการเสริมกำลังให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของไทยจึงน่าจะเพิ่มมากขึ้นและเพิ่มได้อย่างรวดเร็วขึ้นด้วย
- การควบรวมกันและนำทรัพยากรที่มีอยู่แล้วของทั้งสองฝ่ายมารวมกันและต่อยอดต่อไปก็น่าจะยิ่งนำสู่การให้บริการที่ดีขึ้นได้ สัญญาณการให้บริการก็น่าจะยิ่งดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น พัฒนาอะไรใหม่ๆได้เร็วขึ้นกว่าการแยกกันอยู่ เพราะหากต่างฝ่ายต่างลงทุนในส่วนของเครือข่ายเพื่อจะพัฒนาบริการของตน ก็เป็นการลงทุนที่สูงมาก อาจส่งผลต่อการตัดสินใจที่จะลงทุน และยังอาจใช้เวลานานในการพัฒนา แต่การนำทรัพยากรมารวมกัน จะเป็นการเร่งสปีดของการพัฒนาให้เร็วขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค
- ลูกค้า dtac ในไทยก็น่าจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการได้ใช้เครือข่ายของ true ที่มีคลื่นมากกว่าด้วย
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
ความจริงเรื่องทรูดีแทคควบรวม ที่ยังไม่ได้รวม
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs