วิธีวัดค่าออกซิเจนด้วยตนเองด้วยมือถือ และ Smart watch ทั้งนี้การวัดออกซิเจนในเลือด มีความสำคัญอย่างไร เพราะโรคระบาดหนักมากในหลายๆเคสไม่แสดงอาการของโรค แต่มีการเช็คออกซิเจนในเลือดแล้วออกมาต่ำกว่าปกติ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าเราอาจจะเป็นกลุ่มเสี่ยงรึเปล่า ควรไปพบแพทย์หรือไม่ ทั้งนี้สำหรับคนปกติทั่วไป ค่าออกซิเจนในเลือดควรอยู่ที่ 95 – 99% ยกเว้นเวลาออกกำลังกายจะอยู่ที่ประมาณ 88% ถ้าค่าออกซิเจนต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้ร่างกายรับออกซิเจนไม่เพียงพอ อาจจะเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ ต้องรีบพบแพทย์ทันที ซึ่งการวัดออกซิเจนในเลือดก็เกี่ยวข้องกับโควิด 19 ด้วย
โดยอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเพียงตัวช่วยเบื้องต้น ซึ่งถ้าจะให้แม่นยำจริงๆ ก็ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ และไม่ใช่การตรวจโควิด-19 เพียงแต่เป็นการวัดการทำงานของปอดในเบื้องต้น
วิธีวัดค่าออกซิเจนด้วยตนเองด้วยมือถือ รู้หรือไม่ Samsung Galaxy รุ่นเก่า วัดค่าออกซิเจนได้
มือถือซัมซุงรุ่นก่อนๆ บางรุ่น ได้แก่ Galaxy S5 ,S6 , S7 , S8 , S9 และ S10 และ Galaxy Note4 , Note 5 , Note FE , Note 9 ได้ใส่เซนเซอร์วัด Heart Rate มาให้พร้อมกับฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือดได้ด้วย โดยบางท่านคุ้นเคยอยู่แล้วกับการสแกนนิ้วเพื่อวัดอัตราการเต้นหัวใจ ผ่านแอป Samsung Health นั่นเอง โดยเข้าแอป Samsung Health บนมือถือ Samsung Galaxy S หรือ Galaxy Note ที่มีเซนเซอร์สแกน Heart Rate ด้านหลัง
วิธีการวัดนั้น เปิดแอป Samsung Health
เลื่อนหน้าจอลงเรื่อยๆ จนเจอคำว่า ” การจัดการรายการต่างๆ” อยู่ด้านล่างขวาของจอ
แล้วแตะที่ปุ่ม วัด ด้านหลัง “ออกซิเจนในเลือด”
แล้วนำนิ้วไปแตะที่เซนเซอร์ด้านหลัง ถ้าเราวางถูกตำแหน่งจะขึ้นไฟสีแดง เช่นเดียวกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ให้เราอยู่นิ่งๆ จนค่าออกซิเจนก็จะขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม ใช้มือถือในการวัดนี้ไม่ได้แม่นยำเท่ากับอุปกรณ์การแพทย์ หากต้องการผลที่แม่นยำจริงๆไปพบแพทย์ดีกว่า แต่การวัดด้วยมือถือนี้สามารถเช็คค่าออกซิเจนในเลือดได้เบื้องต้นเท่านั้น
วิธีวัดค่าออกซิเจนด้วยตนเองด้วย Smart Watch อย่าง Apple Watch
ใช้ได้เฉพาะ Apple Watch Series 6 เท่านั้น สำหรับนาฬิกาจากค่าย Apple อย่าง Apple Watch
ให้ทำการสวมใส่ Apple Watch Series 6 ให้กระชับพอดีแบบสบายๆ รอบข้อมือของคุณ
- เปิดแอพออกซิเจนในเลือดใน Apple Watch หากไม่มีให้ดาวน์โหลดแอพออกซิเจนในเลือด บน App Store ของ Apple Watch ก่อน
- เมื่อเปิดแอปแล้วให้แขนอยู่นิ่งๆ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมือของคุณอยู่ในแนวราบโดยให้ Apple Watch หงายขึ้น แล้วแตะเริ่มต้น จากนั้นให้วางแขนไว้นิ่งๆ เป็นเวลา 15 วินาที
- เมื่อวัดค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับผลลัพธ์ออกมา
วิธีการทำงานของแอพออกซิเจนในเลือด
ใน Apple Watch Series 6 เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยแสงได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความสามารถในการวัดค่าออกซิเจนในเลือด โดยระหว่างการวัดค่าออกซิเจนในเลือด ผลึกด้านหลังจะเปล่งแสง LED สีแดงและเขียว รวมถึงแสงอินฟราเรดใส่ข้อมือของคุณ จากนั้น โฟโต้ไดโอด จะวัดปริมาณของแสงที่สะท้อนกลับ
อัลกอริทึมระดับสูงจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อคำนวณสีของเลือดของคุณ สีดังกล่าวจะระบุถึงระดับออกซิเจนในเลือดของคุณ โดยเลือดที่มีสีแดงสดจะมีออกซิเจนอยู่มาก ในขณะที่เลือดสีแดงเข้มจะมีออกซิเจนอยู่น้อย
ทั้งนี้หากมี iPhone ไอโฟนที่รองรับได้คือ iPhone 6s ขึ้นไป และอัปเดตให้เป็น iOS รุ่นล่าสุด คุณจะสามารถซิงค์ข้อมูลจาก Apple Watch Series 6 ลงไปยัง iPhone ของคุณได้
ทั้งนี้การวัดค่าออกซิเจนโดยใช้แอพออกซิเจนในเลือดไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการใช้งานทางการแพทย์ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการออกกำลังกายและสุขภาพทั่วไป และตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้นเท่านั้น
ระดับออกซิเจนในเลือด คืออะไร
ระดับออกซิเจนในเลือด แสดงถึงเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เซลล์เม็ดเลือดแดงสามารถนำออกจากปอดไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ การทราบว่าเลือดของคุณสามารถทำหน้าที่ที่สำคัญนี้ได้ดีเพียงใดจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสุขภาพโดยรวมของคุณเองได้ ทั้งนี้คนส่วนใหญ่จะมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 95 – 100% อย่างไรก็ตาม ยังมีคนบางกลุ่มที่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 95% ค่าที่ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งวัดได้ขณะนอนหลับถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ ผู้ใช้บางรายอาจวัดค่าได้ต่ำกว่า 95%
ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
ออกซิเจนในเลือดต่ำ หมายถึง แรงดันของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ หรือวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดได้น้อยกว่าปกตินั่นเอง หากต่ำกว่า นี้เราจะรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นๆ ในกรณีออกซิเจนต่ำที่เป็นเรื้อรังแล้วร่างกายมีการปรับตัว มักจะไม่มีอาการของการขาดออกซิเจน จนกว่าออกซิเจนจะเริ่มต่ำกว่า 90%
เมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำ ร่างกายจะพยายามปรับสมดุลในตัวเอง เพื่อรักษาระดับออกซิเจนไม่ให้ตกก่อน การหายใจที่เร็วขึ้น แรงขึ้น หัวใจก็พยายามสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น โดยจะเต้นเร็วและแรงขึ้นด้วยเช่นกัน ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น หากยังไม่สามารถรักษาระดับออกซิเจนในเลือดให้เพียงพอไว้ได้ ก็จะส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายเริ่มทำงานผิดปกติ นำไปสู่ภาวะของการเกิดของเสียในเซลล์มากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายล้มเหลว ดังนั้นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานระบบนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโรคปอด โรคที่เกี่ยวกับหลอดลม โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ โรคไต ภาวะน้ำท่วมปอด โรคในกลุ่มเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลโดยตรงทำให้ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ ซึ่งก็รวมถึง COVID-19 ด้วยจากที่เชื้อลงปอดจนการทำงานของปอดผิดปกติ
การสังเกตระดับออกซิเจนเลือดสำหรับผู้ป่วยที่อยู่บ้าน
ผู้ป่วยที่อยู่บ้าน เป็นกลุ่มที่พ้นระยะเจ็บป่วยเฉียบพลันแล้วในการพิจารณาให้ออกซิเจนที่บ้านจะใช้เกณฑ์ที่แตกต่างจาก กรณีที่อยู่ในโรงพยาบาล คือเป็นการให้ออกซิเจนในภาวะปกติของผู้ป่วยรายนั้นนั่นเอง ข้อบ่งชี้ในการให้ออกซิเจนที่บ้านมีดังนี้
1.กรณีที่ต้องการให้ต่อเนื่อง
วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนจากปลายนิ้ว (SpO2) ได้น้อยกว่า 88 %
วัด SpO2 ได้ 88-90% แต่มีภาวะหรือโรคที่บ่งบอกถึงภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังขึ้นแล้ว จากการประเมินของแพทย์ ได้แก่ มีความดันเลือดปอดสูง หัวใจห้องขวาโต หัวใจห้องขวาล้มเหลว หรือเลือดแดงข้นกว่าปกติ
2.กรณีที่ต้องให้เฉพาะบางโอกาส
- ให้ออกซิเจนขณะออกกำลังกาย ถ้าขณะออกกำลังกาย SpO2 น้อยกว่า 88%
- ให้เฉพาะในขณะนอนหลับ ถ้าขณะหลับ SpO2 ต่ำกว่า 88 %
ทั้งสองภาวะเบื้องต้นนี้สามารถประเมินโดยการตรวจจับความอิ่มตัวของออกซิเจนในขณะนั้นๆ เช่น ขณะออกกำลังกายหรือขณะหลับ ซึ่งทางที่ดีก็ควรจะได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ผู้ดูแลก่อนเสมอ
รวมอุปกรณ์ Smart Watch ที่สามารรถวัดออกซิเจนในเลือด SpO2
นอกจาก Apple Watch Series 6 แล้ว มีรุ่นอื่นๆดังนี้
- Huawei Band 6
- Huawei GT Series GT2e , GT 2 , GT 2 Pro
- Huawei Watch Fit
- Honor Band 5
- Samsung Galaxy Watch3
- Xiaomi Mi Watch
- OPPO Band
- Realme Watch S Series
- Fitbit Versa 3
- Fitbit Sense
- Amazfit Bip U
- Amazfit GTR2/ GTS2
ซึ่งมีทั้งราคาหลักพันต้นๆ จนถึงราคาหลักหมื่นบาท แต่มีฟีเจอร์วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้
อ้างอิง Apple อ๊อกซิเจนการแพทย์ cover iT24Hrs
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
วิธีวัดค่าออกซิเจนด้วยตนเองด้วยมือถือ และ smart watch
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us