Apple เปิดตัว Macbook Pro 2021 ใหม่หมดทั้งภายในนอกและภายใน พร้อมด้วยขุมพลังอย่างชิป M1 Pro และ M1 Max มีให้เลือกระหว่างรุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว จอภาพ Liquid Retina XDR รองรับหลากหลายพอร์ตเพื่อการเชื่อมต่อ , กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p และระบบเสียงที่ดีที่สุดในโน้ตบุ๊ก มาพร้อม macOS Monterey ออกแบบเพื่อการใช้งานระดับมืออาชีพ เป็น Macbook Pro ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าวว่า “MacBook Pro ทั้งหมดนี้ในดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตา พูดง่ายๆ ว่า MacBook Pro ใหม่นั้นไม่มีใครเทียบได้ และจัดเป็นโน้ตบุ๊กระดับโปรที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมาเลยทีเดียว”
Apple เปิดตัว Macbook Pro 2021 มาพร้อมชิปใหม่ล่าสุด แรงสุด
ด้วยชิปใหม่ M1 Pro และ M1 Max ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Apple Silicon บน Mac นำสถาปัตยกรรม System on Chip (SoC) มาใช้กับระบบระดับโปรเป็นครั้งแรก โดยมีทั้งหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วและแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นเพื่อประสิทธิภาพที่เหลือเชื่อ รวมถึงประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่ดีที่สุดในกลุ่ม และการประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม
Macbook Pro โน้ตบุ๊ก Mac ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว แบบใหม่หมดทรงพลังยิ่งขึ้น
โดยมาพร้อม CPU แบบ 10-core ในชิป M1 Pro และ M1 Max
- สร้างโปรเจ็กต์ด้วย Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3.7 เท่า
- ใส่ปลั๊กอิน Amp Designer ใน Logic Pro ได้มากขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- มีประสิทธิภาพพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณใน NASA TetrUSS เร็วขึ้นสูงสุด 2.8 เท่า
MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อม GPU แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ GPU แบบ 32-core ในชิป M1 Max สามารถพลิกโฉมเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ ได้ดังนี้
- เรนเดอร์ระดับ 4K ใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 9.2 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 13.4 เท่าด้วยชิป M1 Max
- มีประสิทธิภาพ GPU ด้านเวคเตอร์และราสเตอร์รวมกันใน Affinity Photo เร็วขึ้นสูงสุด 5.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 8.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ใน Blackmagic Design DaVinci Resolve Studio ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 5 เท่าด้วยชิป M1 Max
ทั้งชิป M1 Pro และ M1 Max มาพร้อมขุมพลังสุดแรงอย่าง Neural Engine แบบ 16-core จึงสามารถทำงาน ML ได้เร็วขึ้นดังนี้
- ประสิทธิภาพการติดตามวัตถุใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุด 8.7 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 11.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- ทำ Scene Edit Detection กับวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 1080p ใน Adobe Premiere Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 7.2 เท่า
- มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 2.6 เท่าเมื่อเลือกตัวแบบในภาพใน Adobe Photoshop
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมาก ทำงานได้แม้แต่กับเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนที่สุด
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม CPU แบบ 10-core ที่ทรงพลังเท่ากันในชิป M1 Pro และ M1 Max สามารถทำสิ่งต่อไปนี้
- มีประสิทธิภาพพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณใน NASA TetrUSS เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- สร้างโปรเจ็กต์ใน Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.1 เท่า
- ประสิทธิภาพในการเผยแพร่เร็วขึ้นสูงสุด 2.1 เท่าใน Vectorworks
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม GPU แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ GPU แบบ 32-core ในชิป M1 Max มีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นดังนี้
- มีประสิทธิภาพ GPU ด้านเวคเตอร์และราสเตอร์รวมกันใน Affinity Photo เร็วขึ้นสูงสุด 2.9 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ใน Maxon Cinema 4D พร้อม Redshift ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.5 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์ระดับ 8K ใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 1.7 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 2.9 เท่าด้วยชิป M1 Max
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม Neural Engine แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ M1 Max สามารถทำงานด้าน ML ได้เร็วยิ่งกว่าที่เคยดังนี้
- ทำ Scene Edit Detection กับวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 1080p ใน Adobe Premiere Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 4.4 เท่า
- ประสิทธิภาพการติดตามวัตถุใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุด 3.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4.9 เท่าด้วยชิป M1 Max
- มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 1.5 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 2 เท่าด้วยชิป M1 Max เมื่อเลือกตัวแบบในภาพใน Adobe Photoshop
ประหยัดพลังงาน พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ
MacBook Pro สามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้จากการชาร์จครั้งเดียว
- รุ่น 14 นิ้ว เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 7 ชั่วโมง ในขณะที่รุ่น 16 นิ้ว เล่นวิดีโอได้นานสูงสุดถึง 21 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 10 ชั่วโมง เป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโน้ตบุ๊ก Mac
- นักพัฒนาที่ทำงานใน Xcode จะสามารถคอมไพล์โค้ดได้มากขึ้นสูงสุด 4 เท่า
- ช่างภาพจะสามารถใช้งาน Adobe Lightroom Classic ขณะเดินทางได้นานขึ้นสูงสุด 2 เท่า
MacBook Pro มีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันเสมอไม่ว่าจะเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ ซึ่งต่างจากโน้ตบุ๊กระดับโปรอื่นๆ ที่ประสิทธิภาพลดลงเมื่อไม่ได้เสียบปลั๊ก ทำให้ MacBook Pro แตกต่างจากโน้ตบุ๊กอื่นๆ ทั้งหมด
ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ
ตัวเครื่องอะลูมิเนียมภายนอกแบบใหม่ สามารถถ่ายเทอากาศได้มากขึ้น 50% แม้ความเร็วของพัดลมจะต่ำกว่าเดิม และดีไซน์เพื่อการควบคุมความร้อนนี้เองคือสิ่งที่ทำให้ MacBook Pro มีประสิทธิภาพแรงสุดขั้วได้นานต่อเนื่องโดยที่ยังคงเย็นและเงียบ พัดลมจึงแทบไม่ต้องทำงานเลยสำหรับงานส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน มาพร้อม Magic Keyboard ซึ่งวางอยู่ในแอ่งสีดำที่ผ่านการชุบผิวสองชั้น ช่วยเสริมให้อักขระบนปุ่มที่มีแบ็คไลท์ส่องสว่างดูโดดเด่นสวยงาม และยังมีแถวปุ่มฟังก์ชั่นแบบเต็มขนาดด้วย
Touch Bar ถูกแทนที่ด้วยปุ่มฟังก์ชั่นจริงๆ รวมถึงปุ่ม Escape ที่กว้างขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ระดับโปรได้สัมผัสกับแรงตอบสนองที่คุ้นเคยเมื่อกด และมีแทร็คแพด Force Touch ที่ดีที่สุดด้วย
Macbook Pro มาพร้อมจอภาพที่ดีที่สุด
ครั้งแรกที่ MacBook Pro มาพร้อมกับจอภาพ Liquid Retina XDR ซึ่งใช้เทคโนโลยี Mini-LED แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro จึงมีความสว่างต่อเนื่องแบบเต็มหน้าจอสูงสุด 1,000 นิต ในขณะที่ความสว่างสูงสุดเพิ่มได้ถึง 1,600 นิต ที่อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 และช่วงไดนามิกก็กว้างถึงขีดสุด ทำให้คอนเทนต์ HDR ดูมีชีวิตชีวาด้วยรายละเอียดที่น่าเหลือเชื่อ แสดงผลรีเฟรชด้วยอัตราสูงสุด 120Hz และมี ProMotion ยังคอยปรับอัตราการรีเฟรชให้เหมาะสมกับคอนเทนต์บนหน้าจอโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ช่วยให้งานต่างๆ ดูลื่นไหลและตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้น จอภาพยังมีขอบที่แคบลง และขยายกว้างขึ้นไปจนรอบกล้องเพื่อให้ผู้ใช้มีพื้นที่สำหรับคอนเทนต์มากขึ้น ทีนี้ไม่ว่าจะดูภาพยนตร์หรือปรับแก้สีในวิดีโอระดับ 8K
การเชื่อมต่อที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน MacBook Pro
MacBook Pro ใหม่รองรับพอร์ตต่างๆมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้ง Thunderbolt 4 จำนวน 3 พอร์ต ช่องเสียบการ์ด SDXC พอร์ต HDMI ช่องต่อหูฟัง
มี MagSafe 3 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่รองรับการจ่ายไฟให้กับระบบได้มากขึ้น ทำให้การเชื่อมต่อสายชาร์จได้ง่ายและรวดเร็ว และยังช่วยปกป้อง MacBook Pro อีกด้วย ครั้งแรกที่ Mac รองรับการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาเพียง 30 นาที
ยิ่งกว่านั้นชิป M1 Pro ยังให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 2 จอ ในขณะที่ชิป M1 Max ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 3 จอ และทีวี 4K อีกหนึ่งเครื่องพร้อมกัน นอกจากนี้ยังรองรับทั้ง Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0
กล้องและระบบเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีบน Mac
โดยมาพร้อมกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ด้วยความละเอียดและประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยดีขึ้น 2 เท่า และระบบกล้องยังอาศัยโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) รวมถึง Neural Engine ของชิป M1 Pro และ M1 Max ในการประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพให้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้จึงดูคมชัด และมีสีผิวที่เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเดิม
MacBook Pro ใหม่พร้อมมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่ดีขึ้นอีกระดับด้วยไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอที่มีระดับเสียงรบกวนต่ำยิ่งกว่าเดิม ช่วยให้คุยโทรศัพท์และบันทึกเสียงได้ชัดเจนขึ้น ส่วนระบบเสียง 6 ลำโพงที่คมชัดก็มีทวีตเตอร์ 2 ตัวเพื่อสร้างมิติเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น 4 ตัวที่เพิ่มเสียงเบสอีก 80% อีกทั้งยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง ซึ่งสร้างประสบการณ์การฟังแบบ 3 มิติที่มีความสมจริง ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้จะฟังเพลงหรือดูภาพยนตร์ในแบบ Dolby Atmos ก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ระดับโรงภาพยนตร์ และเมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันจึงได้เป็นระบบเสียงที่ดีที่สุดในโน้ตบุ๊ก
macOS Monterey ปรับแต่งมาอย่างลงตัวสำหรับชิป M1 Pro และ M1 Max
ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ช่วยยกระดับการทำงานไปอีกขั้น อย่าง FaceTime ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ด้านเสียงและวิดีโอที่ทำให้การพูดคุยเป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งขึ้น หรือเครื่องมือ “ความต่อเนื่อง” ใหม่ๆ อย่าง “AirPlay ไปที่ Mac” ที่จะทำให้อุปกรณ์ Apple ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ อย่าง “ข้อความในรูปภาพ” และ “ค้นดูจากภาพ” ที่อาศัยระบบอัจฉริยะเพื่อดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาให้เห็น ส่วน Safari ก็มี “กลุ่มแถบ” ที่ช่วยจัดระเบียบแถบเว็บไซต์ได้อย่างทรงพลัง ส่วนแอปคำสั่งลัดสำหรับการสั่งงานอัตโนมัติแบบง่ายๆ ก็มาอยู่บน Mac แล้ว และยังมีคุณสมบัติที่จะพร้อมใช้งานภายในปีอย่าง SharePlay ที่จะทำให้ผู้ใช้แชร์ประสบการณ์ร่วมกันผ่าน FaceTime ได้ รวมถึง “ควบคุมจากอุปกรณ์กลาง” ที่ช่วยให้ทำงานสลับไปมาระหว่าง Mac และ iPad ได้สะดวกรวดเร็ว
ผู้ใช้ Mac สามารถใช้แอปได้หลากหลายยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เพราะแอป Mac ทั้งหมดของ Apple ได้รับการปรับแต่งมาให้สามารถทำงานชิป M1 Pro และ M1 Max ได้เลย นอกจากนี้ยังมีแอปและปลั๊กอิน Universal อีกกว่า 10,000 รายการให้เลือกใช้ อย่าง Lightroom Classic, Cinema 4D, Capture One และอีกมากมาย
ส่วนแอป Mac ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตเป็นแบบ Universal ก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นโดยอาศัยเทคโนโลยี Rosetta 2 ของ Apple และผู้ใช้ก็สามารถใช้แอป iPhone และ iPad บน Mac ได้โดยตรง พร้อมกันนี้ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ อันทรงพลังเพิ่มมาใน Final Cut Pro และ Logic Pro ที่จะใช้ประโยชน์จากขุมพลังและประสิทธิภาพของชิป M1 Pro และ M1 Max อย่างเต็มที่
ราคา MacBook Pro ใหม่พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max จะเปิดให้สั่งซื้อบน apple.com/th/store ผ่านแอป Apple Store และวางจำหน่ายที่ร้าน Apple Store และร้านตัวแทนจำหน่าย ในเร็วๆ นี้ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท และ 68,700 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ส่วน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 89,900 บาท และ 82,900 บาท
โดยหากจะจัดเต็มสุด รุ่น 14 นิ้ว 208,900 บาท และ 16 นิ้ว 215,900 บาท
นอกจากนี้ macOS Monterey จะเปิดให้ผู้ใช้ MacOS ทั้งบน Mac เครื่องเก่าและเครื่องใหม่ อัปเกรดฟรี ในวันที่ 26 ตุลาคม 2021 ที่จะถึงนี้
อ้างอิง และ cover Apple
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
Apple เปิดตัว Macbook Pro 2021 รองรับ Magsafe 3 , HDMI , ช่อง SD CARD ไม่มี Touch Bar แล้ว
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs