ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ หลายฝ่ายต่างออกมารณรงค์ให้มีการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งออกมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อช่วยกันลดภาวะโลกร้อน และนโยบายหนึ่งที่หลายประเทศเห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นแนวทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คือการลดและงดใช้ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการก่อก๊าซเรือนกระจก ไปสู่การให้ยานยนต์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) จึงเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Vehicle) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ภายใต้พันธกิจ “Mission No Emission (MINE) หรือพันธกิจไร้มลพิษ” ด้วยการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้พัฒนารถโดยสารพลังงานไฟฟ้าของบริษัทฯ มาประยุกต์และพัฒนาต่อยอดใช้กับเรือโดยสาร โดยมีบริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเดินเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเชื่อมระบบขนส่งสาธารณะทางน้ำ กับทางบก และทางระบบรางทำให้ประชาชน สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำให้กับกรุงเทพฯMINE SMART FERRY เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าได้รับการออกแบบและสร้างโดยทีมงานของบริษัทซึ่งเป็นคนไทย รูปทรงเรือเป็นแบบ Catamaran โครงสร้างตัวเรือใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์รองรับผู้โดยสารได้ถึง 250 คน ใช้ความเร็วได้ถึง 18 knots ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาด 700 – 800 KWh ผสานเทคโนโลยีการอัดประจุ Ultra Fast Charge ของ EA Anywhere ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ได้ถึง 80% ของ State of Charge (SOC) โดยเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้ถึง 100 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งรอบจากหัวชาร์จ 28 หัว ถือเป็นนวัตกรรมที่ทางบริษัทฯ นำมาพัฒนาใช้ในการอัดประจุให้กับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน และพลิกโฉมการขนส่งสาธารณะทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีความทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลพิษและฝุ่น PM2.5 พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนเรือโดยสารให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนจากการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทำให้สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Reduction) ได้ถึง 10,875 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันจากฟอสซิลได้ถึง 4,029,260 ลิตรต่อปี* เมื่อเทียบกับการใช้เรือน้ำมัน (*โดยคิดคำนวนจากการเปิดให้บริการครบทั้งโครงการทั้งหมดจำนวน 23 ลำ ซึ่งจะให้บริการ 6 ทริป/ลำ/วัน เมื่อเทียบกับเรือทั่วไปที่ใช้น้ำมันดีเซล 80 ลิตร/ลำ/ทริป ซึ่งจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก 0.2159 tCO2e/ปี ต่อ 1 ทริป)
บริษัทฯ มีการนำเทคโนยีมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน EA Anywhere ในการตรวจสอบเส้นทางที่เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการ ท่าเรือที่จอดรับ-ส่ง และเวลาเรือเทียบท่า ช่วยในการวางแผนก่อนเดินทาง อีกทั้งปรับปรุงท่าเรือสะพานพุทธให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier โดยติดตั้งจอบอกเวลาที่เรือเข้าเทียบท่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินพัฒนาระบบชำระค่าโดยสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้การสัมผัส หรือ EMV Contactless (Europay, Mastercard, Visa) ซึ่งเป็นการรับชำระค่าโดยสารผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับทั้งบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของทุกธนาคารที่มีสัญลักษณ์ Contactless ช่วยให้ผู้โดยสารในยุคสังคมไร้เงินสดทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว อีกทั้งยังจัดทำบัตร HOP ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ชำระค่าโดยสารของเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับกลุ่มผู้โดยสารที่ไม่มีบัตรเดบิตและบัตรเครดิต เช่น นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ ทั้งนี้ระบบที่นำมาใช้จะเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้โดยสารได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บจะเป็นข้อมูลไม่ระบุตัวตน เช่น วัน เวลา และสถานที่ที่มีการทำรายการเกิดขึ้น ซึ่งนำมาพัฒนาใช้วางแผนการการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
โครงการนี้จะมีเรือทั้งหมด 27 ลำ แบ่งเป็นเรือโดยสาร 23 ลำ และเรือท่องเที่ยว 4 ลำ โดยมีเส้นทางการให้บริการตั้งแต่ท่าเรือพระนั่งเกล้า ถึงท่าเรือสาทร ปัจจุบันเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE SMART FERRY เปิดให้บริการในสาย Urban Line (สายสีม่วง) ด้วยเรือจำนวน 5 ลำจอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่ 12 ท่าเรือ ได้แก่
- ท่าพระนั่งเกล้า เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า
- ท่านนทบุรี
- ท่าเกียกกาย
- ท่าพายัพ
- ท่าเทเวศร์
- ท่าพระปิ่นเกล้า
- ท่าพรานนก
- ท่าราชินี เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีสนามไชย
- ท่าราชวงศ์
- ท่าสี่พระยา
- ท่าแคท ทาวเวอร์
- ท่าสาทร เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีสะพานตากสิน
ในอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น 20 บาทตลอดสาย และเมื่อมีการส่งมอบเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าครบจำนวน 23 ลำ ตามแผนที่กำหนดไว้ จะมีความพร้อมในการบริการเต็มรูปแบบ เส้นทางการเดินเรือ 3 สาย คือ
- สาย Urban Line (สายสีม่วง) เส้นทางท่าพระนั่งเกล้า-สาทร เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง รองรับผู้โดยสารจากนนทบุรีสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่ท่าเรือสาทร
- สาย Metro Line (สายสีน้ำเงิน) เส้นทางท่าพระราม 7 – ท่าสาทร รวม 11 ท่าเรือ เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน รองรับความหนาแน่นของผู้โดยสารในเขตเมือง
- สาย City Line (สายสีเขียว) ท่าพระปิ่นเกล้า – ท่าเรือสาทร รวม 10 ท่าเรือ เชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของกรุงเทพฯ ที่ถือได้ว่าเป็นเวนิสตะวันออก
อ้างอิง และ cover MINE Smart Ferry
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
รู้จักกับเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE SMART FERRY นั่งสบาย ปลอดภัย ไร้มลพิษ
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs