Db internet คืออะไร ? หลังมีเหตุการณ์ล่าสุดที่ผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือสายสังคมไร้เงินสด ต้องตื่นตัวและระวังหลังมีผู้ใช้ facebook ที่เป็ยผู้เสียหาย โพสต์เรื่องราวเตือนภัยเงินในบัญชีหักเงินไปยัง DB Internet มีระบุไว้ในรายการโอนเงินของแอปธนาคารออนไลน์ โดยที่ธนาคารก็ยังตอบไม่ได้ว่า DB Internet เกิดจากอะไร
โดยรายการที่เป็นปัญหาคือ ภาพเงินของเธอที่ถูกโอนออกจากบัญชีเมื่อเวลา 04.45 น. ของวันที่ 22 กันยายน 2563 โดยที่เงินออกไปจำนวน 5 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 3,927.66 บาท ชำระไปยัง DB Internet ซึ่งเธอไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมและมีสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มอยู่กับตัว เมื่อตื่นนอนและเห็นว่าเงินออกจากบัญชีก็ตกใจ เลยเปิดดู Statement แต่ปรากฏว่าไม่เจอทั้งเลขบัญชีที่ชำระ ข้อมูลของปลายทางและอื่นๆ จึงปรินท์หลักฐานต่างๆ ไปให้ธนาคารตรวจสอบ ซึ่งธนาคารบอกว่าเงินที่ออกไปนั้นเป็นการชำระผ่านบัตรเดบิต โดยคุณแนนยืนยันว่าไม่ได้ผูกบัตรไว้ที่ไหน แต่เคยใช้บัตรนี้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก แต่ทุกครั้งที่จ่ายจะมีรหัส OTP มาให้ยืนยัน อย่างไรก็ตาม 1 วันก่อนที่เงินจะออกจากบัญชี ยอมรับว่าได้ใช้บัตรนี้ในการชำระเงินค่าที่พักแห่งหนึ่ง และจำนวนเงินก็หักไปตามยอด
ด้านธนาคารแนะนำให้แจ้งความและนำเรื่องมายื่นกับธนาคาร พร้อมเขียนใบคำร้องต่างๆ ซึ่งทางธนาคารจะส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ หากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ธนาคารจะโอนเงินคืนให้ใน 30-90 วัน ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะธนาคารไม่สามารถไปดึงเงินคืนจาก DB Internet ได้ เนื่องจากไม่ทราบว่า DB Internet คือแอปอะไร หรือเว็บไซต์อะไร จากประเด็นนี้ทำให้ผู้เสียหายตัดสินใจถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารจนหมดเพราะกลัว ไม่รู้ว่า db internet จะขโมยเงินแบบเงียบๆอีกเมื่อไหร่
อาจารย์ ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญระบบคอมพิวเตอร์และความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ให้สัมภาษณ์กับรายการคับข่าวครบประเด็น สำนักข่าวไทย ระบุว่า db internet ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยร้ายแรง เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายเดือน และมีลักษณะคล้ายๆกันในช่วง 1-2 วันนี้ ซึ่งบัตรเดบิต เป็นบัตรที่มีเงินในบัญชีอยู่แล้ว เมื่อมีการใช้จ่าย เงินจะถูกตัดออกจากบัญชีทันที แตกต่างจากบัตรเครดิต ที่รูดไปก่อน แล้วมาจ่ายทีหลังยังไม่ถูกตัดเงิน
จากกรณี db internet ที่เกิดขึ้นแม้จะมียอดการโอนออกต่อครั้งไม่สูง แต่เชื่อว่าเมื่อรวมยอดความเสียหายทั้งหมดอาจเป็นหลักล้าน ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วดูเหมือนว่าปลายทางที่โอนไปน่าจะเป็นต่างประเทศ ซึ่งไม่น่าจะใช่ประเทศเดียว อาจมีบัญชีโดนแฮกแล้วแฮกต่ออีกที อย่างไรก็ตามต้องรอการตรวจสอบที่ชัดเจนจากธนาคารอีกครั้ง
อาจารย์ปริญญา ให้คำแนะนำเบื่องต้นว่า ควรตรวจสอบบัตรเอทีเอ็มของตัวเราเอง ว่าเป็นบัตรเดบิตหรือไม่ โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ผู้ให้บริการบนบัตร ATM หากมีวีซ่า มาสเตอร์การ์ด ถือว่าใช่ ควรโทรไประงับให้เป็นบัตรเอทีเอ็มปกติ ส่วนบัญชีที่จะผูกกับบัตรเดบิต ควรเปิดบัญชีเฉพาะที่ใส่วงเงินไว้ไม่สูง ประมาณ 500-1000 บาท ไว้สำหรับตัดจ่ายบริการทั่วไปซึ่งปกติราคาไม่สูง ที่สำคัญอย่าผูกบัตรเดบิตไว้กับบัญชีเงินเดือน
db internet คืออะไร? มาจากไหนกันแน่
มีความเห็นบนโซเชียลที่น่าสนใจว่า ‘’DB Internet ย่อมาจาก Deutsche Bahn Internet Berlin DEU (Deutschland) ในยุโรปก็มีมิจฉาชีพเอาเลขบัตร Debit / Credit คนอื่นไปซื้อตั๋วรถไฟของ Deutsche Bahn บ่อยๆ ถ้าเป็นบัตรในยุโรปโดน Fraudulent Charge จะดึงเงินคืนให้ทันทีไม่วุ่นวาย แต่บัตรไทยก็แล้วแต่แบงก์ แล้วแต่บัตร ถ้าบัตรเดบิตก็ยุ่งยากหน่อยไม่เหมือนบัตรเครดิตที่หลายบัตรมีนโยบายคืนเงินให้
นอกจากนี้ในกระทู้ Pantip มีคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับ DB Internet หลายกระทู้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ทราบคำตอบว่า db internet เกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่แต่เคยเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ก่อนที่จะเกิดเหตุจำนวนมากในช่วงนี้ (กันยายน 2553)
อ้างอิง pantip สำนักข่าวไทย cover – Pantip