5G จะทำให้การเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมเกิดเร็วขึ้น เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่แปลกใหม่ การทำธุรกิจจะก้าวหน้าและชาญฉลาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำงานโดยไม่ต้องยึดติดกับสถานที่และเวลา เกิดการให้บริการด้วยการควบคุมระยะไกลมากมายหลายรูปแบบ
การสื่อสารเคลื่อนที่ในยุค 5G จะนำไปสู่การใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการความจุที่สูงขึ้นและอัตราการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น มีเวลาในการตอบสนองที่ลดลง และมีเครือข่ายที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและยังมีการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น เมืองอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ และเกษตรกรรมอัจฉริยะ เป็นต้น
คนทั่วโลกกำลังจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว โดยเทคโนโลยีกำลังจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ เกิดจากการเชื่อมโยงกันระหว่างเทคโนโลยี Cloud computing, Big Data Analytics และ AI โดยมี 5G เป็นตัวเชื่อมและประสานสอดคล้องเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านั้น ซึ่ง 5G จะเข้ามาเป็นผู้เปลี่ยนบทบาท ทั้งในชีวิตประจำวัน, ภาคธุรกิจ, อุตสาหกรรม และสังคม ผู้ประกอบการในวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกำลังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้นำตลาด 5G
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องเครือข่ายภาคพื้นดิน ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการปรับใช้อุปกรณ์ และบริการ IoT นอกจากนี้โซลูชั่นต่างๆ ที่หลากหลาย แต่ละโซลูชั่นมีการใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่บนโครงสร้างพื้นฐานก็อาจมีวิธีการเข้าถึงที่แตกต่างกัน ดังนั้นการบูรณาการระหว่างโซลูชั่น IoT ที่มีมากมาย กับโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และดาวเทียม จะเป็นสิ่งสำคัญที่ถูกนำมาใช้แก้ปัญหาที่เป็นไปได้ เพื่อลดข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน เช่น พื้นที่การให้บริการที่จำกัด และการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ IoT เป็นต้น
นอกจากการใช้ UAV ในการแก้ปัญหาการครอบคลุมการให้บริการ 5G แล้ว ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคืออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์จากอวกาศ กลายเป็นเรื่องสำคัญ ทั้ง SpaceX, Amazon และ OneWeb ได้มีการลงทุนในเรื่องนี้ไปหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อทำการติดตั้งดาวเทียมขนาดเล็ก ที่มีขนาดประมาณตู้เย็นขนาดเล็ก จำนวนมากกว่า 15,000 ดวง ที่จะให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงมากจากอวกาศได้ทั่วโลก ไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ ณ ที่แห่งใดบนโลก ในทะเลทราย ในป่าลึก หรือกลางมหาสมุทร ก็สามารถใช้งานได้
Amazon กำลังทำ Project Kuiper ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวเครือข่ายดาวเทียมขนาดเล็ก 3,236 ดวง เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมต่อระหว่างกัน สำหรับกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปยังทุกที่บนโลก
ในขณะเดียวกัน SpaceX ของ Elon Musk ก็กำลังทำงานเกี่ยวกับเครือข่ายดาวเทียม สำหรับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยดาวเทียม 11,943 ดวงที่โคจรอยู่ใกล้โลก ซึ่งทาง Federal Communications Commission (FCC) ของสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ SpaceX สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม และหากประสบความสำเร็จ SpaceX จะเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่แพร่หลายโดยทั่วไปแก่ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ได้ทุกที่ ซึ่งหากสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตดาวเทียมได้จริง จะสามารถลดภาระต้นทุนของเครือข่ายธุรกิจ ที่มีจำนวนสาขาเยอะๆ และมีพนักงานจำนวนมาก
การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมกำลังถูกผลักดันด้วยโครงการใหม่ๆ เช่น ภายในปี 2024 Amazon และ SpaceX จะทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กว่า 24 ล้านเครื่อง มีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดการแข่งขันในรูปแบบใหม่ ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี IoT เช่น LoRaWAN, Sigfox และ NB-IoT
สำนักวิจัย ABI Reseach ระบุว่าดาวเทียมในกลุ่ม ‘low earth orbit’ (LEO) ซึ่งโคจรด้วยความสูง 2,000 กิโลเมตรหรือน้อยกว่านั้นจากพื้นโลก จะเป็นรากฐานสำหรับ “คลื่นลูกใหม่ของการลงทุนในเทคโนโลยี IoT” ซึ่งเป็นส่วนเสริมของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G และที่ไม่ใช่เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อระยะไกล
โดยสรุป หลังจากที่ได้มีการประมูลคลื่นความถี่ 5G ผลที่เกิดขึ้นตามมา คือจะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การสาธารณสุข การขนส่ง การศึกษา ฯลฯ เนื่องจากเทคโนโลยี 5G จะมีบทบาททำให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สามารถพลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิต โดยทำให้ระบบอัตโนมัติ, หุ่นยนต์, AI, IoT หรือเซ็นเซอร์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ และเรียลไทม์มากขึ้น ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยความรวดเร็วมากขึ้น และไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ติดต่อกับมนุษย์เท่านั้น แต่อาจจะเป็นมนุษย์กับเครื่องจักร หรืออาจจะเป็นเครื่องจักรกับเครื่องจักร และจะเป็นการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หาก การให้บริการขยายไปสู่หัวเมืองใหญ่ จนสามารถครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ จะทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับการบริการที่มีขีดความสามารถในการสื่อสาร ดาวน์โหลด อัพโหลด ที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในระดับ Gbps ทำให้รูปแบบสื่อและความบันเทิงเปลี่ยนไปอย่างมาก จนทำให้วงการสื่อสารมวลชนต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ ในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเทคโนโลยี VR, AR จะทำได้แบบเรียลไทม์มากขึ้น ทำให้ผู้คนมีรูปแบบการเสพสื่อเปลี่ยนไปอย่างมาก
ดังนั้นอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ที่จะมีผลกระทบต่อทุกวงการ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการประมูลคลื่นในครั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะมิฉะนั้นแล้วอุตสาหกรรมของประเทศก็จะเสื่อมสภาพ ล้าสมัย และที่สำคัญคือเราจะต้องพัฒนาบุคลากรทั้งในเรื่องความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : ขอขอบคุณ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ผู้เขียนบทความพิเศษ