กระทรวงดิจิทัล แนะนำนักช้อปออนไลน์เปิดการแจ้งเตือน เมื่อทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เพื่อจะได้รับทราบว่ามีการถูกแฮกขโมยเงินออนไลน์หรือไม่ แม้ว่าการซื้อสินค้าทางออนไลน์จะมีความสะดวกสบาย แต่อาจต้องแลกมากับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีความเสี่ยงถูกนำข้อมูลเหล่านั้นไปเผยแพร่ในเชิงพาณิชย์ หรือเผยแพร่เป็นข้อมูลสาธารณะ ทำให้เกิดโดนแอบอ้าง หลอกลวง สวมรอย ทำให้เกิดความเสียหายได้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์ม e-Commerce เพื่อยกระดับการดูแลความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ที่รั่วไหลจากการรายงานของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ข้อมูลผู้ใช้บริการที่รั่วไหลไปจากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ และถูกนำไปประกาศขายผ่านทางไซเบอร์ พบว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ในช่วงปี 2561
โดยประกอบด้วยข้อมูล เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล วันที่ทำธุรกรรม จำนวนเงิน ช่องทางการขาย สำหรับขั้นต้น ดีอีเอส ได้ประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง (USCERT) ในการประสานกับผู้ดูแลระบบเพื่อระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวแล้ว
โดยเตรียมเปิดลงทะเบียนผู้ประกอบการ e-Commerce ทุกราย เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกัน ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2563 และประกาศกระทรวงฯ เรื่องมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2563 ที่บังคับใช้ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัล แนะนำนักช้อปออนไลน์เปิดการแจ้งเตือน แค่นี้ ประชาชนก็สามารถป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลในเบื้องต้นได้ โดย หมั่นตรวจสอบและระมัดระวังการให้ข้อมูลสำคัญผ่านช่องทางต่าง ๆ และการตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ เพื่อรับทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีหรือบัตรเครดิตว่ามีการใช้งานเกิดขึ้นโดยที่ไม่ใช่เจ้าของแอบใช้งานบัญชีเราหรือไม่
หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อที่ ThaiCERT (ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย) ที่เว็บไซต์ www.thaicert.or.th หรือ โทร. 1212
อ้่างอิง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมประชาสัมพันธ์