บัตรรถไฟฟ้าหาย ขอเงินในบัตรคืน ได้เงินคืนด้วย ทำยังไง ในอดีตบัตรหายแล้วคือบัตรหายรวมถึงมูลค่าเงินที่เคยลงในบัตรก็จะหายไปด้วย หากตกอยู่ในมือคนอื่น คนอื่นก็ใช้บัตรรถไฟฟ้าแทนเราได้สบายๆ แต่ในปัจจุบันนี้คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วคือ เวลาซื้อบัตรเติมเงินรถไฟฟ้า MRT หรือบัตรเติมเงินแบบ Rabbit สำหรับโดยสารรถไฟฟ้า BTS และ BRT ต้องมีการลงทะเบียนกับบัตรประชาชนไว้ด้วย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ซึ่งหลายท่านยังคงกังวลว่าลงทะเบียนนี้คือการล้วงข้อมูลการใช้รถไฟฟ้าหรือไม่ แต่เงื่อนไขก็เปลี่ยนไปคือหากบัตรหาย และมีมูลค่าเงินในบัตรคงเหลือ สามารถขอคืนเงินในบัตรได้ และหากไม่ขึ้นรถไฟฟ้า ขอคืนบัตรรถไฟฟ้าแลกกับการคืนเงิน ก็สามารถทำได้เช่นกัน
บัตรรถไฟฟ้าหาย ขอเงินในบัตรคืน ทำยังไงบ้าง
ให้ไปหาพนักงาน ณ จุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้่่า แจ้งบัตรรถไฟฟ้าหาย พนักงานก็จะเอาแบบฟอร์มให้คุณกรอกตามฟอร์มดังนี้
- กรอกชื่อ นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- เหตุผลขอเงินคืน ก็ระบุว่าทำบัตรหาย และระบุสถานที่เกิดเหตุด้วยว่าทราบว่าหายที่ไหน
- พร้อมกับนำบัตรประชาชนที่ได้ลงทะเบียนบัตรนี้ไว้ให้กับพนักงานประจำจุดจำหน่ายบัตรโดยสาร
- ที่สำคัญ ระบุบัญชีธนาคารของคุณ เพื่อรับเงินโอนจากมูลค่าบัตรโดยสารรถไฟฟ้าสู่บัญชีธนาคารของท่าน (ไม่มีระบุเบอร์พร้อมเพย์) พร้อมหมายเลขโทรศัพท์
พนักงานจะดำเนินการอายัดการใช้บัตรเติมเงินรถไฟฟ้าใบที่หาย และเช็คมูลค่าคงเหลือภายในบัตรโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อทำการโอนเงินในบัตรคืนผ่านการโอนบัญชีธนาคาร
ในกรณีบัตรไม่หาย แต่มีความประสงค์ในการไม่ใช้บัตรโดยสารอีกต่อไปพร้อมขอเงินคืน สามารถทำได้ โดยแจ้งพนักงานประจำจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้่่าเช่นกัน โดยจะได้ทั้งเงินมัดจำบัตร และมูลค่าบัตรคงเหลือคืนมาด้วย แต่เงื่อนไขคือบัตรอยู่ในสภาพที่ใช้ได้ และนำมาคืนที่สถานีรถไฟฟ้าได้
นี่คือประโยชน์ที่ได้หลังจากมีการลงทะเบียนบัตรเติมเงินรถไฟฟ้า
อ้างอิง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บีเอสเอส)
cover iT24Hrs