IPTV คืออะไร หลายท่านที่เพิ่งได้ยินอาจไม่รู้ความหมายว่ามันคืออะไร แต่ถ้าใครติดตามข่าวสารในวงการอินเทอร์เน็ต หรือวงการทีวีจะรู้ว่าไอพีทีวีคือบริการทีวีออนไลน์ หรือทีวีบนโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง แต่เชื่อมั้ยว่า เนื่องด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าถึงบ้าน รวมถึงผลกระทบจาก COVID-19 ที่จำเป็นต้องอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้การเติบโตในการรับชม IPTV เพิ่มขึ้น และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายรายก็เริ่มลุยคอนเท้นต์ IPTV มาเป็นจุดขาย ซึ่งอาจกระทบบางอุตสาหกรรมในวงการทีวี
IPTV คืออะไร
IPTV มีชื่อเต็มว่า Internet Protocol Television หรือทีวีที่ถ่ายทอดผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเผยแพร่ในหลายรูปแบบด้วยกันเช่น
- ผู้ให้บริการทีวีออนไลน์เท่านั้นเช่น Sling TV และ DirecTV
- แอปเครือข่ายทีวีเช่น TrueID และ AIS PLAY ซึ่งมีทั้งรายการสดและวิดีโอตามต้องการ รวมถึงรายการจากผู้ให้บริการด้วย
- ช่องทีวีออนไลน์อย่างเดียว
- เว็บไซต์ที่ให้บริการรายการสดฟรี
- ปลั๊กอินสำหรับแอพเช่น Kodi, Plex และ Emby
โดยสรุปแล้ว IPTV ก็คือบริการทีวีบนอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ซึ่งมีข้อดีคือสามารถรับชมได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ต มาเป็นภาพและเสียงขึ้นสู่จอทีวี
IPTV กำลังมาแรงแซงเคเบิ้ลทีวี และทีวีดิจิทัล ?
ระบบทีวีดิจิทัลมีแต่รายการที่ผลิตขึ้นสำหรับรับชมผ่านทางสัญญาณทีวีเท่านั้น ได้รับชมคุณภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบันสามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้ 37 ช่องแล้ว (ทีวีดิจิทัลปกติ 19 ช่อง + ทดลองช่องทีวีการศึกษา) ซึ่งสามารถรับชมได้ผ่านทางเครื่องทีวีที่รับสัญญาณทีวีดิจิทัลในตัว หรือชมผ่านกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ซึ่งบางบ้านอาจต้องซื้อกล่องทีวีดิจิทัลอีกทีเพื่อใช้กับทีวีเครื่องเก่า
ส่วนเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมก็รับชมผ่านทางทีวีเท่านั้นเช่นกัน แต่ช่องเยอะกว่าดิจิทัลทีวี และมีความคมชัดที่แน่นอนกว่า แต่คุณภาพก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ การรับชมช่องมากกว่าช่องทีวีดิจิทัลต้องเสียเงินรายเดือน
แต่สำหรับ IPTV นั้น สามารถเลือกรับชมได้ทั้งผ่านทางมือถือ สลับกับทางทีวีผ่านกล่อง IPTV ซึ่งสามารถรับชมรายการทีวีผ่านทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงได้รับชมผ่านทางฟรีทีวีดิจิทัลถึง 37 ช่องด้วย และนอกจากนี้ยังสามารถรับชมรายการทีวีจากสถานีโทรทัศน์จากต่างประเทศได้ด้วย อย่างเช่น NHK WORLD , CNA , และช่องพิเศษจากผู้ให้บริการกล่อง IPTV หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งบางกล่องทำให้ทีวีเครืองธรรมดาของคุณเปลี่ยนโฉมกลายเป็นสมาร์ททีวีไปเลยทีเดียว เพราะสามารถรับชมทั้ง Youtube , ท่องเว็บไซต์ , ตลอดจนบางกล่องเล่น NETFLIX , LINETV หรือแคสหน้าจอมือถือขึ้นทีวียังได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือนเลย
ความเหมือนและความต่างระหว่าง IPTV กับ ทีวีดิจิทัล
ทีวีดิจิทัล รับชมรายการทีวี 37 ช่องทีวีดิจิทัลได้เท่านั้น และชมผ่านทางทีวีระบบดิจิทัล หรือกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ซึ่งกล่องต้องเชื่อมกับเสารับสัญญาณทีวีอีกที รับชมได้คมชัดลื่นไหล
IPTV รับชมรายการทีวี 37 ช่องทีวีดิจิทัล ผ่านทางอินเทอร์เน็ต มีช่องให้เลือกชมเยอะกว่า แถมสามารถรับชมวีดีโอออนไลน์อย่าง facebook , Youtube และบริการ Internet streaming ชื่อดังเช่น NETFLIX , Spotify , HBO GO , iFLIX โดยกล่องรับสัญญาณส่วนใหญ่จะได้รับผ่านทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ้งในช่วงหลังแทบทุกรายก็จะมีกล่องขายแบบกล่องขายขาด กับยืมกล่องฟรี โดยให้บริการกล้ายๆกับกล่องทีวีระบบปฏิบัติการ Android (ในรูปแบบ Android Box ) แต่บางกล่องก็ให้บริการแบบ Android TV เต็มๆด้วย
โดย IPTV ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทยจะมาในรูปแบบแพ็คเกจความบันเทิงเช่น GIGATAINMENT จาก 3BB , TOTIPTV จาก TOT , AIS PLAY BOX จาก AIS Fiber และ TRUEIDTV จาก ทรู
แต่ใช่ว่ากล่อง IPTV จะมาพร้อมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เพราะอย่าง truemove H ก็ให้บริการยืมกล่อง TRUEIDTV เหมือนได้ฟรี เพื่อรับชมความบันเทิงออนไลน์ได้ฟรีอีกด้วย ซึ่งถูกกว่า ได้ช่องเยอะกว่า ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงภายในบ้านจากค่ายไหนก็ได้เท่านั้น
แต่ใช่ว่า IPTV จะดีกว่า ทีวีดิจิทัลเสมอไป
ในประเด็นลิขสิทธิภาพยนตร์ และการถ่ายทอดสด ใครที่ได้รับชมทีวีดิจิทัลจะได้รับชมได้ครบทุกรายการ ขณะที่กล่อง IPTV จะได้รับชมบางรายการเท่านั้นซึ่งพอๆกับทีวีดาวเทียมเช่นกัน หากไม่ได้รับลิขสิทธิการเผยแพร่ก็ไม่สามารถรับชมรายการบน IPTV ได้ และหากอินเทอร์ฺเน็ตช้าหรือล่ม ก็ไม่สามารถรับชมรายการทีวีได้ และคุณภาพความชัดเจนของภาพจะสู้ทีวีดิจิทัลหรือทีวีดาวเทียมไม่ได้
การมาของ IPTV อาจกระทบอุตสาหกรรมทีวีบางรูปแบบ นั่นคือทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ที่จะต้องปรับตัวแข่งขันกับ IPTV เพราะ ประเด็นเรื่องช่องทีวีเยอะกว่า ชัด ไม่ต้องจ่ายรายเดือนเพิ่ม และทำได้หลากหลายกว่าการดูทีวีปกติผ่านทางทีวีดาวเทียมหรือเคเบิ้ลทีวี
อ้างอิง makeuseof , totiptv , trueidtv
cover iT24Hrs-S