วิธีป้องกันไวรัส RSV ในเด็ก โรคระบาดใหม่ที่เริ่มพบเห็นในไทยหลายจังหวัดแล้ว และยังไม่มีวัคซีนป้องกันอีกด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นไข้หวัด ไอ เสมหะ น้ำมูก บางรายอาการหนัก มีหอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด หลักการมี 3 S คือ Swelling หลอดลมบวม ตีบแคบ ทำให้หายใจหอบเหนื่อย ลมเข้าปอดได้ แต่ออกลำบาก เด็กจึงต้องหายใจเร็วและแรง ใช่กล้ามเนื้อกระบังลมช่วยหายใจ Spasm หลอดลมไวและตีบได้ ไวต่อสิ่งกระตุ้น และ Secretion สารคัดหลั่งในหลอดลมมาก และอุดหลุดลม หายใจลำบาก ต้องดูดเสมหะช่วย บางรายรุนแรง เขียว หายใจล้มเหลว ต้องให้ออกซิเจน หรือใส่ท่อช่วยหายใจใน icu
โรค RSV ไม่ใช่โรคใหม่ มีมานานแล้ว แต่ไม่มีวัคซีนป้องกัน
แน่นอนว่าพ่อแม่ก็ย่อมเป็นห่วงเด็กด้วยเกี่ยวกับโรคนี้แถมต้องระวังกับ COVID-19 อีก จากประเด็นนี้ ท่าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงโรค RSV ว่า ไม่ใช่โรคใหม่ เป็นโรคที่รู้จักกันมากว่า 50 ปีแล้วและเกิดขึ้นทุกปี เป็นโรคทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ประเภท คือ RSV-A และ RSV-B ซึ่งในปีนี้มีการระบาดด้วยไวรัส RSV-A มากกว่า
เด็กที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถกลับมาเป็นได้อีกเพราะภูมิคุ้มกันไม่สามารถอยู่กับเด็กได้ตลอดไป การระบาดของโรคมักจะเกิดขึ้นในช่วงหลังโรงเรียนเปิดเรียน ซึ่งสถานการณ์การระบาดในปีนี้มีการเปิดเรียนช้ากว่าปกติ การระบาดจึงอยู่ในช่วงเดือนกันยายน จนถึงเดือนตุลาคมซึ่งพบการระบาดในเด็กเล็กจำนวนมาก โรค RSV ในเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการไม่หนัก แต่เด็กที่มีโรคทางเดินหายใจหรือโรคหอบหืดจะทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
การตรวจหาไวรัส RSV
วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคนี้ทำได้ง่ายมาก เพียง 15 นาทีก็ทราบผลได้ทันที ทำให้โรคนี้ถูกกล่าวถึงกันมากขึ้น เพราะเป็นโรคที่พบบ่อยแต่ยังไม่มียารักษา ต้องรักษาไปตามอาการ นอกจากนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันอีกด้วย ซึ่งปัจจัยในการป้องกันโรคนั้นไม่ใช่แค่เพียงภูมิคุ้มกันเพียงอย่างเดียว มาตรการป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขอนามัยโดยเฉพาะเด็กเล็กเมื่ออยู่ในโรงเรียน การเรียนและนอนในห้องแอร์ทำให้เด็กมีการใกล้ชิดกัน อาจทำให้ติดโรคได้ง่าย ดังนั้นหากเด็กป่วยก็ไม่ควรให้มาโรงเรียน ห้องเรียนที่มีเด็กติดเชื้อ ก็ควรจะปิดห้องแล้วฆ่าเชื้อทำความสะอาดเสียก่อน
วิธีป้องกันไวรัส RSV ในเด็ก
“ทุกคนในบ้านควรหมั่นล้างมือให้สะอาด ทำความสะอาดบ้านและของเล่นเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่คลุกคลีกับเด็กที่เป็นหวัด หลีกเลี่ยงการจูบและหอมแก้มเด็ก ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และไม่พาเด็กไปในที่สาธารณะหรือสถานที่แออัด” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ กล่าว
อ้างอิง Infectious ง่ายนิดเดียว , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
cover iT24Hrs-S