ชัยชนะของไบเดน จะส่งผลกระทบวงการไอทีโลกอย่างไร หลังจากไปเดนคว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ แน่นอนว่าจะส่งผลต่อสหรัฐอเมริกาและคนทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะที่น่าจับตาสุดๆคือเศรษฐกิจของโลก ในท่ามกลางส่งครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทรัมป์ได้ทำขึ้นไว้ รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาด COVID-19 ที่ขณะนี้สหรัฐอเมริกายังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ ทางด้านสำนักข่าว CNET ในเครือ CBS ได้นำเสนอประเด็น ชัยชนะของไบเดน จะส่งผลต่อไอทีโลกอย่างไรที่คุณจะต้องจับตาหลังจากนี้คือ
กฎหมายต่อต้านผูกขาด
ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญภายใต้ประธานาธิบดีไบเดน คือการปฏิรูปกฎหมายต่อต้านการผูกขาดเพื่อควบคุม บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด โดยรายงานของรัฐสภา 449 หน้าซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้อำนาจตลาดในทางที่ผิดโดย Google, Apple, Amazon และ Facebook มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาล่วงหน้าสำหรับ บริษัทเทคโนโลยีภายใต้การบริหารของ Biden และสภาคองเกรสที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครต รายงานนี้รวบรวมโดยคณะกรรมการจากคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรได้จัดทำ Road Map สำหรับสภาคองเกรสเพื่อหยุดยั้งการครอบงำของ บริษัทยักษ์ใหญ้ด้านเทคโนโลยี
ในขณะเดียวกันกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ยื่นฟ้อง Google เมื่อเดือนที่แล้วโดยกล่าวหาว่า ถือครองการผูกขาดอย่างผิดกฎหมายในการค้นหาและการโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหา มีการสอบสวนเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่อต้านการแข่งขันที่ถูกกล่าวหาใน บริษัท และเป็นคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งแรกในโลกเทคโนโลยีในรอบหลายทศวรรษ
หลังเลือกตั้งครั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ากระทรวงยุติธรรมของ ไบเดน จะดำเนินการอย่างไรในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด
ประเด็นการแก้ไขกฎหมายความเหมาะสมด้านการสื่อสาร (Communications Decency Act) มาตรา 230
ที่ระบุว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่โพสต์โดยผู้ใช้งาน และสามารถปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอย่างเนื้อหาลามกอนาจาร การล่วงละเมิด และความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าหลายสิบปี
ในยุคทรัมป์นั้น เรียกร้องให้มีการทบทวนมาตรา 230 ดังกล่าว โดยชี้ว่ากฎหมายไม่ได้ครอบคลุมการแก้ไขเนื้อหาของผู้ใช้งานโดยบริษัทโซเชียลมีเดีย รวมถึงการปิดกั้นหรือลบโพสต์ด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้
นอกจากนี้ คำสั่งพิเศษนี้ระบุให้ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (เอฟซีซี) เป็นผู้พิจารณาว่า การดำเนินการปิดกั้นหรือลบเนื้อหาใดของบริษัทโซเชียลมีเดียที่เป็นการกลั่นแกล้ง ไม่มีเหตุผล หรือไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของผู้ให้บริการ
ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์ ได้แสดงข้อความแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ตรวจสอบข้อเท็จจริงบนข้อความของทรัมป์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์ ที่ทรัมป์โจมตีว่าสามารถก่อให้เกิดการทุจริตได้ง่าย ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ระบุว่าทวิตเตอร์กำลังแทรกแซงการเลือกตั้ง และขู่ว่าจะดำเนินการปิดบริษัทโซเชียลมีเดียดังกล่าวก่อนหน้านี้
จีน และ ภาษี
พรรคเดโมแครต วิจารณ์เรื่องสงครามภาษีของทรัมป์กับจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหลากหลายประเภท ภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่ผู้นำเข้าจ่ายให้กับสินค้าที่มาจากต่างประเทศและทรัมป์ใช้ภาษีดังกล่าวเพื่อกดดันรัฐบาลจีนในประเด็นการค้าที่กว้างขึ้น
ในเส้นทางการหาเสียงผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตรวมถึงไบเดนและแฮร์ริสมีความชัดเจนว่าพวกเขาจะจัดการกับจีนอย่างไร ไบเดน ได้แสดงความชัดเจนว่าเขาเชื่อว่า การเจรจาของทรัมป์ได้ทำร้ายชาวอเมริกัน เขาบอกว่าสหรัฐต้อง “ออกกฎใหม่” และ “กระบวนการใหม่” เพื่อความสัมพันธ์การค้ากับต่างประเทศ
ความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
ไบเดน ไม่ได้พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แต่ในช่วงหลายปีที่เขาดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกสหรัฐและในฐานะประธานคณะกรรมการตุลาการของวุฒิสภาเขาได้แนะนำและร่วมสนับสนุนกฎหมายหลายฉบับเพื่อให้ FBI และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบการสื่อสารได้ง่ายขึ้นรวมถึงกฎหมายความช่วยเหลือด้านการสื่อสารสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอนุญาตให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสำรวจการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตรวมถึงการโทผ่าน VOIP และการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ
ประเด็นความสำพันธ์ระหว่างประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าว AP รายงานวิเคราะห์ว่า ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังมากขึ้นในการติดต่อกับผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นผู้นำฟิลิปปินส์ ติดต่อนายกรัฐมนตรีไทย และฮุนเซนผู้นำของกัมพูชา สิ่งที่ระวังหมายถึงระดับความมั่นคงในความสัมพันธ์กับพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขากล่าววว่า เพราะเรามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องร่วมมือกับกับหลายๆประเทศประเทศ เช่นญี่ปุ่นออสเตรเลีย อินเดีย สหภาพยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางด้านสิงคโปร์ โดยนายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ได้ส่งหนังสือแสดงความยินดี ไปยังไบเดน โดยเนื้อหากล่าวว่า “หลายประเทศ” กำลังมองไปข้างหน้า เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำสหรัฐในการเอาชนะความท้าทายระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตโรคระบาดนำโดย COVID-19
เราก็ต้องจับตาทางผู้นำสหรัฐคนใหม่ต่อไป