อุปกรณ์ประหยัดไฟ ที่ช่วยลดค่าไฟ ที่หลอกลวงทางโซเชียล อาจเป็นอันตรายทำให้ระบบไฟฟ้าผิดปกติ หรือกระทบระบบจำหน่ายไฟฟ้า มีความผิดทางกฎหมาย โดย นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในฐานะโฆษก กฟน. เปิดเผยว่า จากที่มีเพจบน facebook โฆษณาขายอุปกรณ์ที่ช่วยลดค่าไฟฟ้า พร้อมละเมิดแอบอ้างโดยการนำภาพข่าวของ กฟน. ไปตัดต่อสร้างความน่าเชื่อถือ ชวนเชื่อหลอกลวงประชาชนนั้น กฟน. ขอชี้แจงว่า กฟน. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Facebook Fanpage และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่โฆษณาแต่อย่างใดและขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวฯ ไม่สามารถประหยัดไฟฟ้าได้จริงและอาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าผิดปกติหรือกระทบต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งอาจมีความผิดตามกฎหมายได้ ทั้งนี้ กฟน. กำลังตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ละเมิดแอบอ้างต่อไป
ทั้งนี้สำหรับอุปกรณ์ประหยัดไฟ ที่มีอยู่จริงนั้น จะนำมาใช้ในบางกรณีสำหรับภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงซึ่งจะประหยัดไฟฟ้าได้ในลักษณะการเรียกเก็บค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ เช่น กิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ หรือกิจการเฉพาะอย่างดังนั้น ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยทั่วไปแทบจะไม่ได้รับประโยชน์จากการติดตั้งเครื่องประหยัดไฟฟ้าเหล่านี้
แต่สำหรับอุปกรณ์ประหยัดไฟ ที่จำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์นั้น อาจเข้าข่ายหลอกหลวงผู้บริโภค โดย กฟน. ตรวจสอบพบมี 3 ลักษณะคือ
1) เป็นกล่องหรือตู้ที่มีสายไฟสำหรับเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า ส่วนใหญ่ภายในเป็นเพียงตัวเก็บประจุ และประเภทที่ภายในไม่มีส่วนที่เป็นวงจรไฟฟ้าเลยมีเพียงวัสดุสำหรับถ่วงน้ำหนักบรรจุไว้เท่านั้น
2) เป็นอุปกรณ์สำหรับเสียบเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าโดยตรง
3) เป็นบัตรสำหรับติดหรือแปะกับตู้จ่ายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
กฟน. ขอแนะนำวิธีการประหยัดไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ คือ
1.การปรับเปลี่ยนวิธีการพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า เปิดใช้งานเฉพาะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ และไม่ลืมปิดไฟ
2.ปรับตั้งค่าอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ ไม่ควรต่ำกว่า 26 องศา
3. ไม่ควรเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยครั้งจะส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นด้วย
4. เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หลอดไฟฟ้าชนิด LED เลือกใช้เครื่องปรับอากาศชนิดอินเวอร์เตอร์ ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับฉลากอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เป็นต้น
ข้อมูลจาก การไฟฟ้านครหลวง