เทคโนโลยี VAR เป็นเรื่องใหม่ที่จะได้ใช้จริงในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นเกมรายการใหญ่สุดในวงการกีฬาฟุตบอล งานนี้ FIFA TV ได้นำเสนอการทำงานและหลักข้อปฏิบัติของการใช้เทคโนโลยี VAR ในช่วงฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งมีความรัดกุมมากขึ้น และละเอียดขึ้นกว่าการนำเสนอ VAR ตอนก่อนๆ
การใช้ VAR ของผู้ตัดสิน ใช้เรียกดูได้ใน 4 กรณี ได้แก่
- จังหวะการได้ประตู มีการทำฟาวล์เกิดขึ้น เลยเส้นประตู หรือเกิดล้ำหน้าหรือไม่
- จังหวะนี้ ให้จุดโทษ ว่าฝ่ายรับทำฟลาว์ในเขตโทษหรือไม่
- การให้ใบแดงหรือใบเหลือง กรณีที่มีการทำฟาวล์กันนักเตะอย่างรุนแรง
- กรณีความเข้าใจผิด ของผู้เล่นหรือผู้รักษาประตู
หลักการทำงานของ เทคโนโลยี VAR มาใช้ในการตัดสินฟุตบอล ในช่วงฟุตบอลโลก 2018
1.นับจากนี้ผู้ตัดสินไม่ใช่มีแค่ 3 คน อย่าง ผู้ตัดสินในสนาม และผู้ตัดสินริมเส้น 2 คนอีกต่อไป แต่มีผู้ตัดสินอีกหลายท่านอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่คอยดูเหตุการณ์ในเกมด้วย ซึ่งสามารถรายงานไปยังผู้ตัดสินกลางสนามได้
2.เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำฟาวล์ หรือ เรียกร้องกรรมการตัดสิน กรรมการในสนามส่งสัญญาณมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพื่อขอดูภาพช้าอีกครั้ง จากนั้นกรรมการที่อยู่ในห้องมอนิเตอร์จะตรวจสอบดูเหตุการณ์ดังกล่าวจากภาพที่มีความละเอียดสูง และส่งรายงานการตัดสินกลับไปให้กรรมการในสนาม
3.ผู้ตัดสินในจอ จะมีแท็บเล็ตที่คอยกดคำตอบว่า ผลการตัดสินของ VAR เป็นเช่นใดเช่น ล้ำหน้า ฟาวล์
4.ระบบ VAR นี้จะส่งรายงานไปยังผู้บรรยายเกม และผู้ตัดสินด้วยว่าเจออะไรบ้าง และตัดสินอย่างไร
4.จอทีวีของผู้ชมจะตัดไปยัง Picture in Picture ทันที เพื่อดูภาพช้า ผู้ทำฟาวล์และโค้ช เพื่อดูเหตุการณ์ระหว่าง รอการตัดสินจาก VAR ซึ่งคุณผู้ชมก็ได้คิดว่าถ้าเจอแบบนี้ผู้ตัดสินจะตัดสินอย่างไร
5.ระบบ VAR จะโชว์ภาพ replay บนจอ LED ในสนามฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันแมทซ์นั้น พร้อมขึ้นตัวอักษรได้ว่าผลการตัดสินจาก VAR นี้เป็นเช่นไร
6. ระบบ VAR จะส่งผลการตัดสินพร้อมคลิปวีดีโอ ขึ้นเว็บไซต์ และแอปของ FIFA ในการสรุปผลการแข่งขันฟุตบอลโลกด้วย
เรียกว่าเป็นเรื่องใหม่มากของเทคโนโลยี VAR ที่ใช้กับเกมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก 2018 เป็นครั้งแรก ลองชมกันดูว่าหลังจากเริ่มใช้เทคโนโลยี VAR ในฟุตบอลโลก จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ข้อมูลจาก FIFA TV