เมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2561 กระทรวงวิทย์ฯ แถลงจัดงาน District Summit 2018 ชูย่านนวัตกรรม ช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ งานที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการและการพัฒนาเมืองและการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุค ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมเผยแผนพัฒนาย่านนวัตกรรมครั้งแรก ในงานอัดแน่นด้วยความรู้จากกูรูชื่อดังด้านการพัฒนาเมือง ที่พร้อมให้เจาะลึกทุกประเด็น ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน กรุงเทพฯ
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวในงานแถลงข่าวการจัดงาน “District Summit 2018” ว่าปัจจุบัน “นวัตกรรม” เป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกและสามารถช่วยทวีความเจริญเติบโตของประเทศได้อย่างรวดเร็ว กระทรวงวิทย์ฯ จึงได้ผลักดัน โครงการ ย่านนวัตกรรม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมต่อการประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิตอย่างสะดวกสบาย รองรับการเติบโตของนวัตกร ผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพให้รวมกลุ่มกันเป็นคลัสเตอร์ก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล ซึ่งนวัตกร กลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุค ไทยแลนด์ 4.0 อย่างแท้จริง ย่านนวัตกรรม จะเป็นพื้นที่สำหรับทดลองธุรกิจใหม่ๆ และเป็นแหล่งงานรองรับธุรกิจในอนาคตของประเทศไทย เช่น Data engineers, IOT designers, Market research analyst, Application developer, Financial adviser เป็นต้น โดยใช้พื้นที่เศรษฐกิจภายในเมืองซึ่งมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐลงทุนไว้แล้ว และดึงเอกลักษณ์ทั้งในเชิงวิถีชีวิต การพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและองค์ความรู้จากหน่วยงานทุกภาคส่วน มาเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นวัตกรได้ผลิตและใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าธุรกิจและเพิ่มคุณภาพชีวิตดังนั้น ย่านนวัตกรรม นี้จะเป็นตัวเชื่อมเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตตั้งแต่ระดับย่านไปจนถึงระดับประเทศ
สำหรับแนวคิดย่านนวัตกรรม (innovation district) หมายถึง การพัฒนาพื้นที่และกิจกรรมภายในเมืองหรือย่านให้ดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมและธุรกิจใหม่มีการรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์ โดยการพัฒนาเครื่องมือและกลไกที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยและผู้ดำเนินกิจกรรมภายในย่านให้ มีการใช้นวัตกรรม การทำกิจกรรม แบ่งปันทรัพยากร และร่วมกันกำหนดเป้าหมายของการสร้างนวัตกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่จึงสามารถตอบสนองความต้องการแก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง นักลงทุน/นักพัฒนาที่ดิน เจ้าของที่ดิน สถาบันการศึกษา/หน่วยงานวิจัย ผู้ประกอบการ/วิสาหกิจเริ่มต้น ผู้ใช้บริการในพื้นที่ และผู้ที่อยู่อาศัยในย่าน เป็นต้น ดังนั้นการสร้างย่านนวัตกรรมจึงมีความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนและยังเพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศไทยซึ่งมีความเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจและสังคมตั้งแต่ระดับจุลภาคและมหภาคอย่างแท้จริง โดยอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานหรือกลุ่ม องค์กรที่เกี่ยวข้องไปสู่การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมจากอัตลักษณ์ความเป็นย่านและแนวความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้แนวทางการพัฒนาย่านนวัตกรรมจะมุ่งเน้นการพัฒนาสินทรัพย์บนพื้นที่ที่มีศักยภาพซึ่งแบ่งสินทรัพย์ดังกล่าวออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สินทรัพย์ด้านเครือข่าย, สินทรัพย์ด้านเศรษฐกิจ และสินทรัพย์ด้านกายภาพ
ในปีที่ผ่านมากระทรวงวิทย์ฯ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายร่วมกันศึกษาและพัฒนาย่านนวัตกรรม 11 พื้นที่ ได้แก่
ย่านนวัตกรรมในกรุงเทพฯ 7 ย่าน ได้แก่ โยธี ปทุมวัน คลองสาน รัตนโกสินทร์ กล้วยน้ำไท ลาดกระบัง ปุณณวิถี
ย่านนวัตกรรมในภาคตะวันออก 4 ย่าน ได้แก่ บางแสน ศรีราชา พัทยา อู่ตะเภา-บ้านฉาง
ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ได้ขึ้นอันดับ 1 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพในเอเชีย และเป็นอันดับ 7 ของโลก จึงมีแผนขยายการพัฒนาย่านนวัตกรรมอีก 4 พื้นที่ซึ่งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ด้วย และเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน ภาคธุรกิจต่างๆ ได้เข้าใจและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในขับเคลื่อนประเทศไทย จึงได้จัดงาน District Summit 2018 ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ กรุงเทพฯ งานนี้จะช่วยจุดประกายความคิด ไอเดียด้านประกอบธุรกิจในยุคปัจจุบันและการขับเคลื่อนเมืองด้วยนวัตกรรมสร้างความเจริญเติบโตให้กับประเทศ
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) [สนช.] กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า งาน “District Summit 2018” จะเป็นพื้นที่พบปะบุคลากรผู้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญเติบโตของเมืองทั้งผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ นักพัฒนาที่ดิน เอกชนรายใหญ่ และภาคประชาชน ผู้มีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง นับเป็นครั้งแรกๆ ของประเทศไทยที่ได้รวบรวมเครือข่ายผู้พัฒนาเมืองมาพบปะพูดคุยกัน
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรม 3 ส่วน ได้แก่
1.งานประชุมสัมมนา (CONFERENCE “Innovation in the City”)
เป็นเวทีสร้างองค์ความรู้แบ่งปันประสบการณ์ด้านนวัตกรรมเชิงพื้นที่ (Area-base innovation) สู่การพัฒนาเมือง อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2.นิทรรศการ (EXHIBITION “Innovation and the Solution”)
นำเสนอแผนพัฒนาย่านนวัตกรรมในประเทศไทย การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาบริหารจัดการเมือง
3.โครงการประกวดออกแบบ ย่านนวัตกรรม (CONTEST : “YOTHI INNOVATION DISTRICT DESIGN CONTEST: MEDICAL & HEALTH INNOVATION HUB”)
เป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม ทั้งในมิติกายภาพ เศรษฐกิจ และเครือข่าย ภายใต้แนวคิด ย่านนวัตกรรมโยธี ศูนย์กลางทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
ดร.พันธุ์อาจฯ ยังกล่าวแนะนำไฮไลท์ของงานว่า จะเป็นครั้งแรกของประเทศในการเปิดตัว ย่านนวัตกรรม ของประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองระดับโลกที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธุรกิจของโลกมาให้ความรู้และร่วมงาน District Summit 2018 จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ เช่น Mr. Lawrence Morgan ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมการลงทุนชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จด้านการจัดโครงการสตาร์ทอัพกลุ่ม Fin-Tech ให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่ทั่วโลก Mr. Alberto Martin ผู้เชี่ยวชาญด้าน Smart City เป็นวิทยากรจากงาน Smart City Expo World Congress นอกจากนี้ยังมีวิทยากรอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
ดร.สุวิทย์ฯ กล่าวทิ้งท้ายเชิญชวนทุกคนมางาน District Summit 2018 ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นผู้อยู่อาศัยในย่าน สตาร์ทอัพ นักลงทุน นักพัฒนาที่ดิน สถาบันการศึกษา หน่วยงานวิจัย ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการธุรกิจ คุณคือส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเจริญเติบโตได้และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาย่านนวัตกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ (ฟรี) www.zipeventapp.com/e/district-summit-2018
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nia.or.th/districtsummit/