29 พฤศจิกายน 2561 – เปิดบ้าน TeC (Thailand e-Business Center) มุ่งสร้างคนยุคดิจิทัล แก้ปัญหาขาดคนดิจิทัลและปัญหาการพัฒนาบุคคลากร รวมถึงการขยายธุรกิจเข้าถึงตลาดจีน โดยจับมือพันธมิตรเพื่อ Disrupt ธุรกิจแบบเดิมๆ จัด Business Trip พร้อมทำ Business Matching สร้างดีลจริง คาดสร้างมูลค่าธุรกิจไทยเติบโตกว่าพันล้านบาท
เนื่องจากเอเชียเริ่มเน้นแนวคิดการทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกับดิจิทัล ทำให้เกิดแพลตฟอร์ม รากฐานการทำธุรกิจ และการเชื่อมต่อแบบใหม่ๆมากมาย ซึ่งในบรรดากลุ่มธุรกิจกลุ่มนี้ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการเติบโตของ e-business และ e-commerce มากที่สุดในเอเชีย เราจึงรวบรวมผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ เครือข่ายเชื่อมโยงในแพลตฟอร์มของดิจิทัลของจีน ให้ธุรกิจสินค้าบริการจากไทยสามารถเชื่อมโยงและสร้างมูลค่าได้จริงๆ – นางสาวกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทค อี-บิสสิเนสเซ็นเตอร์ (Thailand e-Business Center) และเลขาธิการสมาคมดิจิทัลไทยกล่าว
การแข่งขันในตลาดมีสูงมากในเอเชียด้าน e-business ถ้าเทียบกันแบบหมัดต่อหมัดแล้วเด็กจีนมีศักยภาพสูงในด้านเทคโนโลยีและไอที เด็กยุคใหม่มีความรู้ความสามารถพื้นฐานในด้านเหล่านี้แล้ว เพราะในสังคมของเขาสิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อพวกเขาในชีวิตจริง ประเทศจีนจึงได้เปรียบมากในเรื่องนี้
TeC จึงมีความมุ่งมั่นในการจะผลักดันและส่งเสริมธุรกิจไทยในหลายๆด้านให้พร้อมสู่การแข่งขันในระดับโลก จากแนวคิดนี้จึงสร้างธุรกิจแนวใหม่อีก 3 ด้าน
ด้าน Digital Work Force
การสร้างกำลังคนสำหรับธุรกิจดิจิทัลจากการสร้าง Assessment โดยผู้เชี่ยวชาญ และใช้ Global assessment อย่าง International Computer Driving Licence (ICDL) ซึ่งเทคเป็นศูนย์สอบอย่างเป็นทางการอีกด้วย
TeC จับมือกับ JobBKK.com ผู้นำRecruitment platform ของไทย ซึ่งมีการ MOUs และจะสร้างหลักสูตรพิเศษให้กับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย กว่า 20 แห่งในปีหน้า โดยจะเน้นหนักการสร้างความเชี่ยวชาญดิจิทัลบิสสิเนส หรือ skills ทางด้านอีคอมเมิร์ชที่ใช้กับสถานการณ์การค้าขายจริงถ่ายทอดกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป้าหมาย เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจไทยยุคใหม่ขาดแคลนกำลังคนทางด้านนี้อย่างมาก จากสถิติกองวิจัยแรงงาน กรมการจัดหางานพบกว่า เด็กจบใหม่ ปี 2561 กว่า 400,650 คน ตกงานกว่า 180,000 คน และขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรหลักที่ล้อกับสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการแก่ตลาดแรงงานดิจิทัลได้ทันการเปลี่ยนแปลง คาดว่าการสร้างกำลังคนรองรับตลาดอีคอมเมิร์ชไทยได้ในกลางปีหน้ากว่า 1,000 คนเป็นอย่างน้อย
อีกทั้งจะมีการเปิดฝึกกำลังคนทางด้านอีบิสสิเนส และอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยในปีหน้าจะมีการนำผู้เชี่ยวชาญทางด้านอีบิสสิเนสของไทยเองมาให้ความรู้กับภาคธุรกิจที่สนใจจะเชื่อมโยงกับธุรกิจในเอเชีย ขณะเดียวกันก็จะมีการนำภาคธุรกิจที่สนใจไปฝึกอบรมที่จีนและฮ่องกงกับหน่วยงานชื่อดังด้านเทคโนโลยี โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินธุรกิจเหล่านั้นจริงๆ ในท้องถิ่นนั้นเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ และแชร์ Best Practices & know-how ขณะเดียวกันก็จะนำผู้เชี่ยวชาญพิเศษเหล่านี้เข้ามาประเทศไทยเพื่อสร้างกิจกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในไทยอีกด้วย รวมไปถึงดึงดูดให้คนจีน และคนฮ่องกง เข้ามาลงทุนในไทยผ่านหลักสูตรสร้างความรู้พื้นฐานการลงทุนในไทยอีกด้วย
ด้าน Business Expansion
การขยายธุรกิจยังต่างแดน การเข้าพบเหล่าสมาคม บริษัท เพื่อเจาะตลาดจีน เมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น หังโจว, เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, เซินเจิ้น, ตงกวน และกวางโจว เป็นต้น
ส่วนการขยายธุรกิจในต่างแดน ซึ่งถือเป็นรายได้หลักกว่า 50% ของบริษัทในช่วงสั้นๆ นี้ เป็นการรองรับความต้องการของภาคธุรกิจไทยในช่วงเริ่มต้น เนื่องจากความต้องการของภาคธุรกิจระดับ Corporate หรือบริษัทที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านบาท – 50,000 ล้านบาท ในการเชื่อมต่อกับธุรกิจดิจัทัลในประเทศจีน ที่มีกำลังซื้อมหาศาล เริ่มมีจำนวนมากขึ้น อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือในช่วงต้นจะไม่นับรวมกลุ่มธุรกิจ SMEs ที่ยังมียอดขายไม่พอที่จะเริ่มขยายธุรกิจ
โดยการเริ่มขยายธุรกิจนั้น ทาง TeC มีบริการตั้งแต่การทำ Business Trip หรือ การเดินทางแบบธุรกิจ ตั้งแต่การจับคู่ทางธุรกิจแบบเป็นจริง การหาแหล่งผลิตที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งในปีหน้าตารางการเดินทางที่ได้รับการจองแล้ว 12 เที่ยวการเดินทาง โดยเส้นทางหลักที่ได้รับการจองคือ หังโจว เซิ่นเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ นอกจากนั้นยังมีตารางเดินทางแบบ Customize หรือแบบเลือกเดินทางการทำธุรกิจแบบเฉพาะเข้ามาอีกหลายเที่ยว ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเจ้าหน้าที่สำหรับติดตามการเจรจาธุรกิจหลังจากที่การเดินทางสิ้นสุดแล้ว และมีการเริ่มเจรจาทางธุรกิจเกิดขึ้น โดยรับมอบหมายการทำให้แผนการเจรจาประสบความสำเร็จจนถึงขึ้นออกมาเป็นธุรกิจได้จริง
นอกจากการจัดเส้นทางธุรกิจแล้ว ยังรับดำเนินการเปิดบริษัทในประเทศจีนให้กับธุรกิจในไทยอีกด้วย เนื่องจากขณะนี้ขนาดเศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยอย่างมาก และการทำธุรกิจแบบดิจิทัลก็ก้าวหน้ากว่าไทยหลายระดับ อีกทั้งกำแพงภาษีที่รัฐบาลจีนและไทยต่างเปิดกว้างให้กันและกันพอสมควร เพียงแต่เงื่อนไขการเชื่อมต่อกับธุรกิจดิจิทัลในจีนมีความซับซ้อนที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือเพื่ออำนวยความสะดวกกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากมีแพลตฟอร์มที่เฉพาะทางมากมาย และการเชื่อมต่อมีหลักเกณฑ์ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์สูง ซึ่งได้เตรียมทั้งคนและแนวทางการเชื่อมต่อเอาไว้แล้ว ทำให้การขยายการลงทุนในจีนจะเป็นจริงได้มากที่สุด
ในส่วนสุดท้ายของการขยายฐานธุรกิจมีบริการจัดการเรื่องการตลาดดิจิทัลในประเทศจีนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์และเปิดช่องทางโซเชียล โดยเชื่อมต่อกับ Baidoo/Weibo การสร้างเนื้อหาการตลาดโดยบล็อกเกอร์ชื่อดัง หรือแม้กระทั่งการทำตลาดผ่านคนดังหรือ Influencers/Celebs ในประเทศจีน ซึ่งธุรกิจไทยทั้งส่วนส่วนอุปโภคและบริโภค หรือบริการต่างๆ สามารถเลือกใช้ช่องทางการตลาดแบบใหม่ได้ในทุกรูปแบบ โดยเทคจะมีผู้เชี่ยวชาญในจีน และเคยสร้างยอดขายให้เหล่าแบรนด์ดังในการขายบนอีคอมเมิร์ซจีนกว่า 4 พันล้านหยวน หรือ กว่า 20,000 ล้านบาท เป็นต้น
ด้าน E-Business & Technology Training
การสร้างองค์ความรู้ให้กับธุรกิจเปลี่ยนผ่านเป็นดิจิทัลที่พร้อมจะก้าวสู่ต่างแดน อีกทั้งเทคยังเป็น AGCs – Executive Program Organizer ให้กับหลักสูตรของ Alibaba Business School ซึ่งเป็นเอกชนเจ้าเดียวในประเทศไทยในขณะนี้
“เรามองว่า จีนเป็นประเทศที่น่าจับตามอง จากจำนวนประชากรที่มีสูงถึง 1.386 พันล้านคน มูลค่าการนำเข้าและส่งออกของไทยจีนมีปริมาณสูงขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเราหลักสูตรที่ได้รับการรองรับโดย Alibaba Business School องค์กรที่มีความน่าเชื่อถือให้จัด Training แนะนำให้รู้จักวิธีการซื้อขายและเข้าถึงการค้าแบบ e-Business และ e-Commerce มืออาชีพอย่างประเทศจีนโดยผู้บริหารจีนในสาขาที่เชี่ยวชาญ นอกจากนี้พันธมิตรทางธุรกิจของ TeC เช่น บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม และอีกมากมายก็มีการเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ e-Business ด้วย” นางสาวกุลธิรัตน์ กล่าวสรุป