วิธีใช้ธนาคารออนไลน์ Online Banking ซึ่งสามารถใช้ได้ทันทีผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทั้งบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต สามารถโอนเงิน หรือทำธุรกรรมการเงินได้ทันที ได้ทุกที่ ทุกเวลา และรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปกด ATM หรือไม่ต้องไปธนาคารให้เสียเวลา เพราะทำได้ทันทีทั้งบนคอม และบนสมาร์ทโฟน แต่ทว่าก็ต้องระมัดระวังเรื่องการสวมรอยแอบขโมยเงิน การหลงเชื่อถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงิน และภัย Phishing ที่จ้องขโมยข้อมูลอีเมล และรหัสผ่าน เพื่อขโมยตัวตนและเงินของคุณไปแบบเนียน
ดังนั้นเราต้องรู้ และใช้บริการธนาคารออนไลน์อย่างปลอดภัย ด้วยวิธีต่างๆดังนี้
1. ตั้งรหัสผ่านมือถือคุณ เพื่อไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมือถือ แอบเข้าถึงข้อมูลต่างๆบนสมาร์ทโฟน เช่นเอกสารสำคัญ เอกสารงาน ภาพส่วนตัว รวมถึงแอปธุรกรรมการเงิน อย่างแอปธนาคารต่างๆและแอป Wallet ที่ใช้แอปบนมือถือเป็นกระเป๋าสตางค์
2. ตั้งรหัสเดายากๆ และหมั่นเปลี่ยนบ่อยๆ ทั้งบนมือถือ แอปธนาคาร และบริการออนไลน์เช่นอีเมล
3. หากสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติของรายการบัญชี หรือค่าบริการค่าธรรมเนียมที่ถูกตัดเงินไป ให้ติดต่อธนาคาร
4. โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ต้องใช้เครื่องที่ไม่ Jailbreak หรือ Root ไม่มีแอปเถื่อนในเครื่อง เพื่อป้องกันแอปดักขโมยข้อมูล และการปล่อยไวรัสมัลแวร์
5. ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส และมัลแวร์ หมั่นสแกนภายในเครื่อง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการถูก Hack
6. หมั่นตรวจสอบธุรกรรมการเงินบ่อยๆ ว่ามีรายการโอนเงินผิดปกติหรือไม่ ป้องกันเงินหาย
7. ไม่ใช้ Wi-Fi ในการทำธุรกรรมการเงิน เพราะเสี่ยงที่จะถูกขโมยข้อมูลผ่านทาง Wi-Fi หากต้องการใช้ธุรกรรมการเงินควรทำผ่านเครือข่าย 3G , 4G แทน
8. หากจะเช็คเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์ทางเว็บไซต์ ควรพิมพ์ URL ของธนาคารให้ถูกต้อง แทนที่การคลิกลิงค์ที่ได้รับจากทางอีเมล หรือทาง SMS
9. ไม่คลิกลิงค์ SMS หรือ อีเมล เพื่อทำธุรกรรมทางธนาคาร
10. ไม่ติดตั้งแอปแปลกๆ และซอฟต์แวร์เถื่อนลงบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
11. หมั่น LOGOUT เว็บไซต์ธนาคาร หรือแอปธนาคาร หลังใช้งานเสร็จ
12. ตั้งค่าแอปธนาคาร หรือเว็บไซต์ธนาคาร ให้จำกัดวงเงิน ป้องกันมิจฉาชีพแฮกข้อมูล
13. ควรสมัคร SMS / Email แจ้งเตือนการทำธุรกรรมการเงิน เพื่อทราบความเคลื่อนไหวของเงินเราได้ทันที หากเราไม่ได้ทำรายการ ก็สามารถแจ้งธนาคารเพื่อตรวจสอบได้ทันที
เท่านี้การใช้บริการธนาคารออนไลน์ Online Banking ได้อย่างปลอดภัยขึ้น และเงินไม่หายด้วย
ข้อมูลจาก twitter @bankofthailand ธนาคารแห่งประเทศไทย