ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Mobile Internet ของประเทศไทยที่เข้ามาสู่ยุค 4.5G อย่างเต็มตัว อีกทั้งสมาร์ทโฟนที่เริ่มมีความจุถึง 1 เทราไบต์ (Terabyte) เป็นครั้งแรก ไปจนถึงขีดความสามารถของการผลิตสื่อแบบ realtime บน Facebook, YouTube, Twitch, Line, Instagram และ social media อื่นๆ ที่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data analytics ฝังอยู่เพื่อการวิเคราะห์และบริหารจัดการกับพฤติกรรมผู้ใช้ กำลังจะเข้ามาพลิกสถานการณ์ในหลายอุตสาหกรรมและจะเกิดโอกาส, อาชีพและตำแหน่งงานใหม่ๆ มากมาย
ในปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง จะเกิดปรากฏการณ์ที่สามารถคาดการณ์ได้ ดังต่อไปนี้
(1) Gen Alpha, Gen Z และ Gen Y จะเป็นนักการตลาดแห่งทศวรรษใหม่
ผู้บริโภค Gen Alpha, Gen Z และ Gen Y ถือว่าเป็น digital natives และกำลังมีบทบาทในการเสพสื่อและผลิตสื่ออย่างแท้จริงในทุกที่ทุกเวลา ด้วยการผลิตสื่อที่ creative ขั้นสุดของพวกเขาที่ไม่ได้อยู่ในกรอบความคิดหรือในตำรา MBA อย่างที่ Gen X เคยทำไว้เลยในอดีต โดยรูปแบบการทำการตลาดดั้งเดิมกำลังจะไร้ผล เพราะคนในรุ่น Gen X และ Babyboomers ที่ยังยึดติดอยู่ในกรอบเดิมๆ จนไม่สามารถทำได้เท่าพวกเขา
Gen Alpha, Gen Z และ Gen Y กำลังสร้างสื่อที่มีเครือข่ายอันทรงพลังใน community เฉพาะที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ เช่น community ที่ชอบเพลง Rap, เพลง Hip hop, และศิลปินในสาขาอื่นๆ รวมทั้ง โดยในแต่ละ community จะมีผู้เชี่ยวชาญในหลายรูปแบบที่กลายเป็นอาชีพใหม่ที่มีรายได้ เช่น ผู้ทรงอิทธิพล (Influencer), นักข่าวหรือนักวิพากษ์รูปแบบใหม่ที่มีการทำ Reaction ที่ส่งต่อและแสดงความเห็นผ่าน social media ซึ่งเป็นไปตามที่นักอนาคตศาสตร์ (Futurist) ได้คาดการณ์ไว้ว่า social media จะสร้างอาชีพใหม่ๆ ที่เราไม่เคยพบเห็นเมื่อ 10 ปีที่แล้วอย่างมากมาย เช่น Influencer, YouTuber, celebrity, นักออกแบบ (stylist), ผู้สื่อข่าวอิสระเฉพาะด้าน (ผ่านทาง Live streaming), นักดนตรีและนักร้องอิสระ ไปจนถึงดาราและนักแสดงอายุน้อย ที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ
จากผลการวิจัยหลายแห่งพบว่า ดนตรีถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนในรุ่น Gen Alpha, Gen Z และ Gen Y และจะฝังเป็นวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ที่ไม่มีในรุ่นคน Gen X และ Babyboomers มาก่อน โดยพวกเขากำลังทิ้งห่างออกไปจากการสื่อสารการตลาดแบบดั้งเดิมที่เริ่มไร้ผล เพราะพวกเขาสามารถสร้างกระแสและสร้างสรรค์ผลิตผลงานออกสู่ตลาดได้เอง ด้วยเวลาอันรวดเร็ว
พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปบน social media ที่มีการผลิตสื่อจากผู้บริโภคตลอดเวลา จนจะทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ มากมายในรูปแบบบริษัทวิจัยด้านการตลาดขนาดเล็กแต่ชาญฉลาดที่มีเครื่องมือและรูปแบบการติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ realtime ด้วย social tracking แบบนาทีต่อนาที ซึ่งจะทำให้เกิดตำแหน่งงานที่แปลกใหม่ด้านการตลาดจำนวนมากมายในทศวรรษนี้ และช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ที่เราจะพบกับการลาจากของนักการตลาดยุคเก่าเช่นกัน
(2) การเกิดของธนาคารรูปแบบใหม่แบบ always on
หากคุณเป็นผู้บริหารระดับสูงในธนาคาร คุณคงไม่เชื่อแน่นอนว่า ธนาคารจะหายไปคล้ายที่ฟิล์มหายไป ซึ่งนักอนาคตศาสตร์ก็เชื่อว่ามนุษย์ยังคงทำธุรกรรมทางการเงิน (Banking) มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคารแบบดั้งเดิม (Bank) และเริ่มมีแนวโน้มแล้วว่า ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะไม่เดินไปทำธุรกรรมที่ตู้ ATM หรือสาขาธนาคารอีกต่อไป
1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า กำลังจะมีผู้เล่นที่หน้าตาแปลกใหม่เข้ามาร่วมวงในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร ด้วยการสร้างโอกาสที่ต่างออกไปจากธนาคารแบบดั้งเดิม จากการที่ผู้เล่นหน้าใหม่มองเห็นและเข้าใจคนรุ่น Gen Z ที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งพวกเขาไม่ใช่ “เด็ก” อย่างที่เราเคยเข้าใจอีกต่อไป
ธุรกิจค้าปลีกดูเหมือนกับจะมองเห็นโอกาสใหม่ๆ จาก Gen Z ได้รวดเร็วกว่าธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น Amazon ก้าวเข้ามาให้บริการทางการเงินแบบเนียนๆ ถึงตัว Gen Z ผ่านบัญชี Amazon ของพ่อแม่พวกเขา อีกตัวอย่างคือ บริษัท Social Finance, Inc. (SoFi) เป็นบริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคล มุ่งเน้นกลุ่ม Gen Z อีกทั้งยังมีการให้บริการที่ปรึกษาด้านการศึกษาและตำแหน่งงาน ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Gen Z ซึ่งคาดว่า Gen Z จะมีกำลังซื้อที่สำคัญและมีบทบาทมากในการเปลี่ยนโครงสร้างตลาด New economy ในอนาคตอันใกล้
บริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคล ใหม่ๆ สำหรับ Gen Z ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่มีขีดความสามารถด้าน Data analytics ที่สามารถวิเคราะห์ credit scoring ของลูกค้าแต่ละคนได้ดีกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม อีกทั้งเทคโนโลยีบ่งบอกตัวบุคคลบนสมาร์ทโฟนด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือกำลังทำให้พนักงานและสาขาธนาคารกำลังจะกลายเป็นซอฟต์แวร์ จนธนาคารในทศวรรษหน้าจะเป็นเพียง application ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนและอยู่บนคลาวด์ (cloud) เท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดตำแหน่งงานที่แปลกใหม่มากมาย ในคนรุ่น Gen Z ในธุรกิจการให้บริการด้านการเงินเฉพาะด้านแบบ always on
(3) e-sports จะสร้างอาชีพที่แปลกใหม่ใน Gen Alpha และ Gen Z เป็นจำนวนมาก
อุตสาหกรรม e-sports กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยแรกเริ่มนั้นมีการเติบโตในประเทศเกาหลีใต้ แต่ขณะนี้ได้แผ่ขยายความนิยมอย่างมากไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศจีนในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยได้รับความนิยมสูงมากจนทำให้ขนาดตลาดได้ขยายใหญ่กว่าตลาด e-sports ของสหรัฐอเมริกาแล้ว
นักวิจัยตลาด e-sports อย่าง Newzoo กล่าวว่าขณะนี้ครึ่งหนึ่งของตลาด e-sports กำลังเติบโตอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งในปัจจุบันนี้ ตลาด e-sports บนมือถือที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีมูลค่า 27,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น Arena of Valor ที่มีผู้เล่นเป็นประจำกว่า 200 ล้านคนแล้วในประเทศจีนเพียงประเทศเดียว และ e-sports กำลังก่อตัวในประเทศไทย และคาดว่าจะเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจ e-sports สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ยกเว้นเพศ วัย และคนพิการ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนยังสร้างนักกีฬา e-sports ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือแม้กระทั่งคนพิการ โดย e-sports กำลังจะได้รับการยอมรับในเวทีกีฬาระดับโอลิมปิก และกำลังเป็นโอกาสใหม่ของประเทศไทยที่ต้องปรับทัศนคติให้มอง e-sports เป็นกีฬาเชิงนักคิดนักวางแผนและจะเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ยิ่งใหญ่ใน 2 ถึง 5 ปีข้างหน้า
e-sports กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก จนทำให้เกิดอาชีพแปลกใหม่จำนวนมากในระบบนิเวศของ e-sports ไม่ว่าจะเป็น นักกีฬา e-sports ระดับมืออาชีพ, นักพัฒนาซอฟท์แวร์เกม, ผู้จัดการแข่งขัน (organizer), ผู้ให้ความเห็นและประเมิน (game caster) และผู้ประกาศและพากษ์เกมสด (streamer) เป็นต้น และอุตสาหกรรม e-sports จะถูกขับเคลื่อนด้วยผู้ชมจำนวนนับล้านคน
(4) โรงเรียนและมหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่เพื่อ Gen Alpha
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านหรือสถานที่พักผ่อนและบันเทิงต่างๆ จะกลายเป็นสถานที่ในการเรียนและการทำงานมากขึ้น เพราะเทคโนโลยี Mobile Internet, AI, Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) จะทำให้มวลมนุษยชาติสามารถเรียนรู้, ทำงานและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดและเวลาใดก็ตาม
ในทศวรรษต่อจากนี้มีแนวโน้มที่คนรุ่น Gen Alpha จะไม่เรียนในมหาวิทยาลัยรูปแบบดั้งเดิม และจะไม่สามารถกำหนดวันเรียนจบรับปริญญาที่แน่นอน เพราะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตในการศึกษารูปแบบใหม่ที่แปลกไปมาก ซึ่งทักษะและความสามารถจะสำคัญกว่าปริญญาในที่สุด
รูปแบบการทำงานและอาชีพต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมจะถูกท้าทายจากสถาบันหรือบริษัทที่สามารถนำเสนอการให้บริการด้านการศึกษาแบบออนไลน์ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความทันสมัยด้านองค์ความรู้ใหม่ๆ ตามความต้องการของผู้เรียน มีราคาค่าเรียนที่ถูกกว่า (หรือฟรี) และแน่นอน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดังเดิมยังคงอยู่แต่จำนวนอาจจะน้อยลงไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยีและตามกาลเวลา
โรงเรียนและมหาวิทยาลัยออนไลน์รูปแบบใหม่ จะทำให้เกิดตำแหน่งงานรูปแบบใหม่มากมาย เช่น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สอนระบบออนไลน์ (facilitator), นักพัฒนาคอสแวร์, นักออกแบบเนื้อหาแนวใหม่, ผู้ผลิตสื่อ 3D และ animation ด้วย VR/AR และผู้สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ เป็นต้น
(5) ระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing economy) กำลังเป็นนโยบายระดับชาติเพื่อสร้างอาชีพใหม่
Gen Alpha และ Gen Z กำลังเติบโตมากับระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing economy) ซึ่งถือว่าเป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ (New economy) ที่กำลังสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ ในระดับฐานรากเป็นจำนวนมาก และจะสร้างธุรกิจมูลค่าใหม่อันมหาศาลให้กับเศรษฐกิจของประเทศ สามารถลดความเหลื่อมล้ำของสังคมได้ ซึ่งระบบเศรษฐกิจใหม่ดังกล่าว เกิดจากที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อข้อมูลอันมหาศาลแบบ Realtime และเชื่อมต่อกับธุรกิจต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกด้วยสมาร์ทโฟน จนทำให้ผู้ให้บริการได้พบกับผู้บริโภคได้อย่างไร้รอยต่อ
เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ที่ดำเนินการบน digital platform ซึ่งเริ่มเข้ามาส่งผลกระทบต่อตลาดแบบดั้งเดิม ทำให้รูปแบบอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป และทำให้มีการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริการที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเศรษฐกิจแบบแบ่งปันของไทยก็คือ Grab ที่เป็นระบบการขับขี่รถยนต์ร่วมกัน (ridesharing system) และ Airbnb ที่ให้บริการที่พัก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ยังขยายไปสู่ในภาคส่วนการเงิน เครื่องมือเครื่องใช้ในบ้าน การลงทุน และงานประจำวันมากขึ้น
แต่ความท้าทายของระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ก็คือกฎระเบียบของรัฐบาลที่อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกบัญญัติในแบบดั้งเดิม ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ท้าทายอย่างมาก โดยผลเสียที่เกิดจากการออกกฎหมายและกฎระเบียบที่รัดกุมมากเกินไปและไม่มีความยืดหยุ่น จะเป็นการขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ จนไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการค้าขายรูปแบบใหม่เท่าที่ควร และยังเป็นการยับยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่อีกด้วย
โดยสรุป
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าด้วยอัตราเร่ง จึงทำให้รูปแบบการทำงานและอาชีพเกิดขึ้นใหม่มากมาย และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ระบบการศึกษาในปัจจุบันกำลังถูกท้าทายและจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตอันใกล้หากเราไม่เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน เพราะแนวทางและสิ่งที่เราสอนเด็กๆ ไม่สามารถทำให้พวกเขามีความสามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรแบบอัตโนมัติและ AI ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับในหลายประเทศทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทย) ที่การเข้าถึงการศึกษายังถือว่ามีราคาแพง (สำหรับคนยากจนจำนวนมาก) และมาตรฐานการเรียนการสอนที่ไม่ทันโลก ก็อาจจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ
————————-
บทความโดย
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
https://link.medium.com/vnV4JVinWR