KBTG ได้จัดงานแถลงวิสัยทัศน์ KBTG 2018 From Digital to Inteligence ซึ่งคุณปานระพีและทีมงาน ไอที24ชั่วโมง ก็ได้ไปร่วมงานนี้และเก็บเรื่องราวน่าสนใจมาฝากกันค่ะ ซึ่งภายในงาน KBTG ได้เผยวิสัยทัศน์ “ธนาคารแห่งอนาคตต้องฉลาดรู้ใจและทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น” พร้อมเปิดตัว เกด (KADE) นวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ให้ผู้ใช้ K PLUS เหมือนมีคู่หูอัจฉริยะอยู่เคียงข้างตลอดการใช้งาน ตอบโจทย์ทั้งการทำธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของลูกค้า ทำได้อย่างไร น่าสนใจมากๆค่ะ
เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ภายในงานแถลงวิสัยทัศน์ KBTG 2018 From Digital to Inteligence คุณสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธานกสิกรบิซิเนส-เทคโนโลยีกรุ๊ป ได้เผยว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากกว่า 80% แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร (unbanked) เพราะข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการรูปแบบเดิมๆ กสิกรไทยจึงมุ่งนำเอาเทคโนโลยีและความรู้ที่มีอยู่มาสร้างโอกาสให้กับทุกคน รวมทั้งกลุ่มที่เป็น unbanked ด้วย เพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านชีวิตส่วนตัวและด้านธุรกิจ
นอกจากนี้ คุณสมคิดยังได้กล่าวบนเวทีว่า “แนวคิดของเรา ไม่ใช่แค่อยู่รอดใน Digital Disruption เท่านั้น แต่ต้องเข้าไปยึดพื้นที่ในใจและอยู่ในหัวใจของลูกค้าให้ได้”
นี่เองที่ทำให้ KBTG ได้รวบรวมทีมที่มีความสามารถสูง ซุ่มสร้าง KADE ขึ้นมา
โดย เกด (KADE: K PLUS AI-Driven Experience) จะทำให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนมีคู่หูอัจฉริยะคอยช่วยคิดและนำเสนอบริการที่ตรงใจและความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างโดนใจ (Segment of One) เกดสามารถเรียนรู้สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า ตอบสนองความต้องการทางการเงินทั้งในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัว และทำหน้าที่เป็นผู้รู้ใจคอยเติมเต็มชีวิตทางการเงินของลูกค้าได้ เช่น เตือนให้ลูกค้าไม่ลืมทำธุรกรรม นำเสนอสินค้าและบริการที่เหมาะสมให้ลูกค้าแต่ละคน นอกจากนี้ยังสามารถแนะนำการใช้จ่ายและการลงทุนที่จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินและโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าอย่างรู้ใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย! ที่ทำได้แบบนี้ก็เพราะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI นั่นเอง
โดยการทำงานของ เกด (KADE) ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
1) Machine Intelligence กลไกอัจฉริยะที่ใช้ AI เป็นตัวจักรสำคัญที่จะสร้างความฉลาดให้กับบริการ ซึ่งจะเปลี่ยน K PLUS ให้เป็น K PLUS Intelligence Platform จนสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
2) Design Intelligence การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการอย่างชาญฉลาดที่ยึดแนวคิดในการออกแบบที่ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Human-Centric Design) ที่ได้จากการศึกษาทำความเข้าใจความต้องการและลักษณะการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด
3) Service Intelligence เป็นการสร้างรูปแบบของการให้บริการที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาตอบโจทย์ของลูกค้าให้มีความสะดวก รวดเร็ว ตรงใจ ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนี้ Service Intelligence ยังใช้เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยคิดค้นหาบริการที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ใช้ได้อีกด้วย
ซึ่งทั้ง 3 ด้านนี้ รับผิดชอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีความสามารถสูงอย่าง คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม , คุณเชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร และ ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล
โดยสรุปแล้ว เมื่อนำ KADE มาใช้ ลูกค้าจะได้ประโยชน์สำคัญๆ อาทิ ลดต้นทุนทางธุรกิจ, ขยายกิจการได้ง่าย, รู้จักลูกค้าอย่างดี มีบริการที่ตรงใจ, สามารถช่วยในการจับคู่ธุรกิจ, ชีวิตสบาย สะดวก รวดเร็ว, ตอบโจทย์ชีวิตได้ตรงจุด, คอยเตือนกันลืม, แนะนำการใช้ชีวิต และ การลงทุน
ได้เห็นการเปิดตัวระบบอันชาญฉลาดแบบนี้ KBTG ก็ไม่ใช่เพิ่งจะเริ่มทำนะคะ เพราะที่ผ่านมานวัตกรรมทางการเงินของ KBTG ก็ได้มีการนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้บ้างแล้วหล่ะค่ะ อย่างเช่น K PLUS Beacon ที่นำแนวคิด Design Intelligence มาออกแบบการใช้งานธนาคารบนมือถือโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมอง เพื่อให้เข้าถึงผู้บกพร่องทางการเห็นสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและทัดเทียม
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ โครงการพรวนฝันที่ใช้ Service Intelligence มาทดลองนำเสนอสินค้าเกษตรแบบตรงใจให้กับผู้ซื้อ ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและรายได้ให้กับเกษตรกร สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ใน K PLUS จริงๆ สามารถเพิ่มรายได้ให้กับผู้ค้ารายเล็ก ๆ ให้มีโอกาสในการสร้างความมั่นคงด้านธุรกิจด้วยต้นทุนต่ำ
และในปัจจุบัน ยังมีโครงการ Machine Lending ที่เป็นการนำ Machine Intelligence มาเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็ก (Micro Finance) ให้กับผู้ค้ารายย่อย โดยได้นำเทคโนโลยี Machine Learning มาวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าประกอบกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์ว่าลูกค้ารายนี้น่าจะเป็นผู้กู้ที่ดีหรือไม่ และน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ารายนั้นๆ น่าจะต้องการการกู้เงินและลูกค้ารายนั้นจะได้รับประโยชน์จากสินเชื่อส่วนบุคคลขนาดเล็กหรือไม่ หากระบบวิเคราะห์แล้วพบว่าเหมาะสม ระบบก็จะส่งข้อเสนอเงินกู้ไปให้ลูกค้าอัตโนมัติผ่านทาง K PLUS โดยตรง ซึ่งหากลูกค้าสนใจรับบริการ กดตอบรับ ก็จะได้รับการอนุมัติและรับเงินเข้าบัญชีทันทีในเวลาไม่เกิน 1 นาที ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนมากยิ่งขึ้น
โดยระบบ Machine Lending นี้ได้เริ่มทดลองให้บริการมาแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 และพบว่า การเสนอสินเชื่อในรูปแบบใหม่ด้วย Machine Intelligence นี้ ทำให้มีลูกค้าตอบรับบริการในอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม และยังพบว่าการวิเคราะห์สินเชื่อด้วย Machine Learning มีความน่าเชื่อถือ พิจารณาได้แม่นยำ โอกาสหนี้เสียต่ำกว่าการพิจารณาด้วยคนด้วยซ้ำ (แต่อย่างไรก็ตามเกดก็ยังคงต้องทำงานร่วมกับคนด้วยในบางส่วนด้วยนะคะ) ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นมิติใหม่ที่น่าจับตาของวงการธนาคาร และเป็นเรื่องที่ผู้ร่วมงานต่างให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย
เตรียมพบกับ KADE ที่จะเข้าไปอยู่ในแอป K PLUS ภายในปี 2018 นี้ จะมาช่วยพัฒนา K PLUS ให้มีความฉลาดมากขึ้น เข้าใจและตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกสถานการณ์ เพราะใช้ AI ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนมีคู่หูอัจฉริยะคอยช่วยคิดและนำเสนอสิ่งดีให้ตรงใจ และทำให้การเงินเป็นเรื่องง่ายเข้าถึงได้สำหรับทุกคน เพิ่มโอกาสที่จะให้บริการกับกลุ่มคนที่ไม่เคยได้รับบริการจากธนาคารมาก่อน (unbanked) บริการนี้ยังสามารถสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทันท่วงที สร้างธุรกิจให้เติบโต มีโอกาสขายสินค้าและบริการให้กับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใน K PLUS ด้วยต้นทุนทางการตลาดที่ต่ำมาก จึงเชื่อว่าบริการนี้น่าจะสร้างโอกาส ทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น ยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินของคนไทยอย่างทัดเทียม “และ KADE จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ K Bank เป็น Digital Bank อย่างแท้จริง” น่าจับตามากๆค่ะ!
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.kasikornbank.com