ประเทศไทยไม่สามารถปฏิเสธและหลีกพ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่รวดเร็วได้ เนื่องจากประเทศไทยจะต้องก้าวไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ในยุคดิจิทัลพร้อมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกได้เชื่อมโยงกันด้วยระบบอินเตอร์เน็ต และการค้าระหว่างประเทศได้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาที ดังนั้นเราจึงปฎิเสธไม่ได้ที่จะต้องสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อเป็นความหวังของประเทศในอนาคต
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของงานรูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังไปสู่การทำงานแบบอัตโนมัติด้วยความชาญฉลาดยิ่ง และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เครื่องมือในการทำธุรกิจมีราคาถูกลงมาก ความรู้หาได้ในอินเตอร์เน็ตง่ายขึ้นกว่าเดิม คนรุ่นใหม่จึงต้องการแรงบันดาลใจ กำลังใจ และความคิดสร้างสรรค์เป็นสำคัญ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยในอนาคต
คนรุ่นใหม่มีความสนใจในการทำอาชีพที่แปลกใหม่บนแพล็ทฟอร์มดิจิทัล ที่มีรูปแบบเป็นอิสระที่เรามักเรียกว่าฟรีแรนซ์มากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับทักษะในอาชีพใหม่มากขึ้น ทั้งนี้เพราะ ความก้าวหน้าของการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ AI ซึ่งอาจเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงในอดีต แต่ในปัจจุบันมันกำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่อยู่บนมือเรา หรืออาจอยู่บนตัวเราและรอบตัวเราด้วยราคาอันแสนถูก ซึ่งมันจะอยู่กับเราจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและชีวิตประจำวันของเราเลยทีเดียว
การสร้างแรงบันดาลใจที่ผู้คนที่คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเกิดในประเทศไทยแต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้วที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่ได้สร้างดาวเทียมขนาดเล็กสำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นดาวเทียมเทคโนโลยีชั้นสูงที่สร้างโดยคนไทยและประสบความสำเร็จในการส่งเข้าสู่ห้วงอวกาศแล้ว โดยโครงการสร้างดาวเทียมขนาดเล็กนี้ที่ชื่อว่า “แนคแซท” เป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
ดาวเทียม “แนคแซท” ถือเป็นดาวเทียมสัญชาติไทยดวงแรกที่ออกแบบและสร้างในประเทศไทยโดยอาจารย์และนักศึกษาจาก มจพ. โดยมีพันธกิจหลักในอวกาศ ได้แก่ การถ่ายภาพโลกจากอวกาศ (ความละเอียด: 1 – 2 กิโลเมตรต่อ pixel) ทดสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ ที่ออกแบบและจัดสร้างขึ้นในอวกาศ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายและกระตุ้นให้นักเรียนในโรงเรียนทั่วประเทศไทยเกิดแรงบันดาลใจ และสนใจเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น รวมไปถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการสร้างธุรกิจใหม่สตาร์ทอัพมีความหวังที่จะสู้ต่อไป และเป็นการยืนยันว่านักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน และในอนาคตประเทศไทยจะสามารถผลิตดาวเทียมของไทย และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และการศึกษาต่อไปได้
โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา ตามวันในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จรวดฟอลคอน 9 (Falcon 9) ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ภายใต้มิชชั่น SSO-A:Smallsat Express ของบริษัทสเปซไฟลท์ (Spaceeflight Inc.) ได้ส่งดาวเทียมแนคแซทพร้อมดาวเทียมอื่น ๆ รวมทั้งหมด 64 ดวง จากทั้งหมด 17 ประเทศ ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย แล้ว เมื่อเวลา 09.04 น. ตามเวลาสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 14.04 น. ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาณวิทยุของดาวเทียมแนคแซทถูกได้รับสัญญาณครั้งแรก ( First Voice) โดยนักวิทยุสมัครเล่นที่ใช้ชื่อว่า Mike Rupprecht ชาวเยอรมันนี และในวันเดียวกัน เวลา 10.41 น. ตามเวลาสากล ตรงกับเวลา 17.41 น. ตามเวลาในประเทศไทย นักวิทยุสมัครเล่นคนดังกล่าวก็ได้รับสัญญาณอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 02.52 น. ตามเวลาสากล ตรงกับเวลา 07.52 น.ในประเทศไทย และ วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 15.04 น. ตามเวลาสากล ตรงกับเวลา 22.00 น. ในประเทศไทย สัญญาณวิทยุของดาวเทียมแนคแซทถูกรับได้โดยนักวิทยุสมัครเล่นที่ใช้ชื่อ Fatc Mubin ชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการยืนยันว่าดาวเทียมแนคแซทได้เริ่มต้นปฎิบัติการงานในอวกาศแล้ว
บทความโดย
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
https://link.medium.com/vnV4JVinWR