เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา ทีมงานไอที24ชั่วโมง ไปชมโรงงาน Hitachi Omika Works ซึ่งตั้งอยู่ที่ จังหวัดอิบาะกิ ประเทศญี่ปุ่น
โรงงาน HITACHI Omika Works ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1969 เพื่อเป็นศูนย์ที่หน้าที่พัฒนาและผลิตอุปกรณ์และระบบ “เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ” (Operational Technology – OT) สำหรับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อสังคมในภาคส่วน เช่น การผลิตไฟฟ้า การบำบัดน้ำเสีย และเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสาร
โรงงาน HITACHI Omika Works เป็นโรงงานต้นแบบที่ได้นำ IoT มาใช้และพัฒนาเชิงลึกมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตผ่านระบบที่ได้รับการพัฒนาจากการใช้ IoT ลดต้นทุนและลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพราะทำงานด้วยเครื่องจักรที่เชื่อมต่อกัน และสั่งงานผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต บนแพลตฟอร์ม LUMADA จาก Hitachi
โรงงานนี้ได้ดำเนินการใช้ IoT มาช่วยบริหารในโรงงาน โดยใช้ 4 อย่างคือ
- เทคโนโลยี RFID ในการระบุตัวด้วยความถี่วิทยุ ระบบตรวจสอบการผลิต การติดตามความคืบหน้าของพนักงาน
- ระบบสนับสนุนการพัฒนางาน เพื่อระบุสิ่งที่จำกัดผลผลิตในกระบวนการของงาน และแสดงภาพปัญหาผ่านการวิเคราะห์ภาพ ซึ่งขณะปฏิบัติงานมีใช้กล้องวงจรปิดถึง 6 ตัวติดตามการทำงานด้วย
- ใช้ Drawing จากเดิมวาดธรรมดา 2 มิติบนกระดาษ มาใช้ข้อมูล 3D CAD บนคอมพิวเตอร์ เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนข้อมูลช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานในสายการผลิตมีความเข้าใจข้อมูลโดยทันที ลดจำนวนงานที่ผู้ปฏิบัติงานในสายการผลิตจำเป็นต้องทำในด้านการตีความการร่างแบบงาน และยังช่วยลดปริมาณงานที่วิศวกรต้องทำในการร่างแบบเพื่อการทำงาน
- ปรับปรุงกระบวนการผลิตผ่านการจำลองโรงงาน เช่น กำหนดส่งมอบ ช่วยสร้างแผนการผลิตที่ดีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบในการผลิตด้วยวิธีกระจายทรัพยากร รวมทั้งแรงงานและชิ้นส่วนได้อย่างดีที่สุด
ทำให้ ลดระยะเวลากระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถึงร้อยละ 50 และช่วยพัฒนาทักษะของผู้ปฏิบัติงานได้บรรลุเป้าหมายมากขึ้น หัวหน้างานทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้ตรงจุด นี่คือประโยชน์ของการนำ IoT มาใช้ในโรงงาน
วันต่อมาช่วงเช้าวันที่ 17 ตุลาคม ได้มีโอกาสเข้าชม Hitachi Harmonious Competence Center หรือ Hitachi HCC ซึ่งเป็นศูนย์การสาธิตเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ Hitachi โดยได้ชมเทคโนโลยี IoT ที่น่าสนใจมากมายเช่น
Doctor Cloud ที่ใช้เทคโนโลยี AR และแว่นตา ในการสั่งงานและตรวจสอบงานระยะไกล แม้หัวหน้างานไม่สามารถเดินติดตามผู้ปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา ก็สามารถสั่งงานระยะไกลและสามารถตรวจดูได้ จากสิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานใส่แว่นตาทำงานไว้ ทำให้เราได้ทราบความคืบหน้าของงานแบบ Real Time อีกทั้งทราบปัญหาที่เกิดขึ้นหากกรณีผู้ปฏิบัติงานทำงานผิด เพื่อมาช่วยแก้ไขได้ รวมถึงนำมาใช้ในเรื่อง Health Care การดูแลรักษาทางไกลของแพทย์ด้วย
AI Debate สำหรับการปรึกษาหารือ ซึ่งการใช้ AI นี้มาช่วยในการตัดสินใจว่าเราจะทำอะไรต่อไป ซึ่ง AI Debate จะมีข้อมูลเกี่ยวกับข่าว และเอกสารต่างๆที่อยู่ในสมอง AI โดย AI จะวิเคราะห์ข้อมูลว่าคุนค้นหาอะไร มีปัญหาจะวิเคราะห์ว่ามีปัญหาอะไร แล้วดึงข้อมูล หรือข่าวที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจ
คือ Debate AI สามารถสร้างพจนานุกรมบริบทของแต่ละคนได้ และสามารถวิเคราะห์ได้ว่าคนนี้เค้าต้องการ Search ค้นหาตามบริบทไหน
แอปแปลภาษา Ruby Concierge ระบบการแปลภาษาของ Hitachi เอง จากญี่ปุ่นมาเป็นภาษาภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน สำหรับใช้สื่อสารกับชาวต่างชาติ ซึ่งเริ่มใช้แล้วในช่วงทดลองตามโรงแรม ตามสนามบินนาริตะ ฮาเนดะ และสถานีรถไฟบางสถานีในประเทศญี่ปุ่น โดยคุยแบบสั่งงานด้วยเสียงได้เลย และฮิตาชิเองก็มีมีแผนจะทำแปลเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วย
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี IoT ที่น่าสนใจที่จะมาช่วยแก้ปัญหา และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนได้ ในตอนหน้าจะมาโชว์เทคโนโลยีจาก HITACHI โดยเฉพาะหุ่นยนต์อัจฉริยะแสนน่ารัก ที่จัดแสดงในงาน HSIF 2018 กัน