Alibaba Group นำทีมโดย นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่ม Alibaba ร่วมด้วย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ท่านลวี่ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และรัฐมนตรีผ่านเศรษฐกิจของไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่างๆของไทย กับ Alibaba Group เพื่อส่งเสริมการลงทุนพื้นที่ ECC และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้ยุทธศาสตร์ Thailand 4.0
โดยมีการลงนาม MOU 4 ฉบับ ที่หน่วยงานภาครัฐของไทย ลงนามร่วมกับ บริษัทในเครือ Alibaba Group ได้แก่
- ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่าง สำนักงาน อีอีซี และ Alibaba.com Singapore E-Commerce Private Limited
-
ความร่วมมือด้านการลงทุนในศูนย์สมาร์ท ดิจิทัล ฮับ ในพื้นที่ อีอีซี ระหว่างสำนักงาน อีอีซี กรมศุลกากร และบริษัท Cainao Smart Logistics Network Hong Kong Limited
-
ความร่วมมือด้านการพัฒนาเอสเอ็มอีและบุคลากรในด้านดิจิทัล และการส่งเสริมธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ ระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ Alibaba Business School
-
ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวผ่านดิจิทัลและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท Zhejiang Fliggy Network Technology Company Limited
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงนาม MOU ทั้ง 4 ฉบับในวันนี้ สืบเนื่องมาจากที่นายแจ็ค หม่า และคณะ เดิินทางเยี่ยมคารวะท่านนายกรัฐมนตรีไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ เมือง กว่างโจว สาธารณรัฐประชาขนจีน เมื่อเดือนกันยายน 2559 ระหว่างการประชุมกลุ่มผู้นำ G20 และการที่รองนายกรัฐมนตรีไทย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำคณะจากไทยเยือนสำนักงานใหญ่ Alibaba จากคำเชิญของแจ็ค หม่า ในการพบปะหารือดังกล่าว ทางประเทศไทยมีความยินดีที่กลุ่ม Alibaba ได้แสดงเจตจำนง ที่จะร่วมมือกับหน่วยงานไทย ในการสนับสนุนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย ( Thailand 4.0) ที่มุ่งเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการไทย SME , ผู้ประกอบการใหม่ และ Startup ให้เข้าถึงเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะดิจิทัล และที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้เทคโนโลยีระดับแนวหน้า เข้าถึงตลาดระดับภูมิภาคและเวทีโลกได้เต็มศักยภาพ ซึ่งการลงนาม MOU ทั้ง 4 ฉบับนี้ มีความร่วมมือในหลากหลายมิติ อาทิ การส่งเสริม SMEs ทุกระดับเข้าสู่ E-Commerce, การพัฒนาดาวเด่นหรือ Talents ในด้านดิจิทัล ,การยกระดับโลจิสติกส์โดยอาศัยเทคโนโลยีของ Alibaba และส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านระบบดิจิทัล ซึ่ึงในทุกกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นนั้น เราเปิดกว้างเชิญชวนให้ผู้มีความสนใจ ได้เข้าร่วมในกิจกรรมเหล่านี้อย่างกว้างขวาง ไม่ปิดกั้น และรัฐบาลไทยต้องการให้ความร่วมมือในการนี้ มีบทบาท ในการช่วยกันขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเศรษฐกิจไทยให้สู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดประโยชน์หลากหลายภาคส่วนให้ได้
นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม Alibaba กล่าวว่า “ เราได้เห็นรัฐบาลไทย ผลักดันการใช้ e-commerce ในการช่วยขับเคลื่อนพัฒนาชนบท เราเห็นไทยที่ให้ความสำคัญต่อเกษตรไทย และประชาชนท้องถิ่น ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่ออินเทอร์เน็ตที่จะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่และเกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ทั้งไทย-จีน เอเชีย และทั่วโลก ในครั้งนี้”
“ประเทศไทย เป็นประเทศที่ข้าพเจ้าเดินทางมาบ่อยที่สุด และไทยเป็นเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย เราก็เหมือนกับชาวจีนมากมาย ที่ชอบคนไทย ชอบวัฒนธรรมไทย ชอบประวัติศาสตร์ ชอบทั้งทะเลชายฝั่ง อาหารไทย และอื่นๆอีกมากมายที่มาจากไทย ทุกครั้งที่มาไทย สิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจคือ Thai Smile หรือรอยยิ้มจากคนไทย จริงๆแล้วโลโก้ของ Alibaba ก็เป็นโลโก้ที่มาเป็นโลโก้รอยยิ้มเช่นกัน ตอนที่ออกแบบโลโก้บริษัท Alibaba เราก็อยากให้พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น ที่กลับมาถึงบริษัทแล้วก็มีรอยยิ้มแบบ Alibaba เราคิดว่าไม่ว่าจะเป็นยิ้มแบบไหน เบื้องหลังก็คือ การเรียนรู้ การศึกษา และคุณภาพชีวิต ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในด้านบริการ และยากมากที่จะหาประเทศที่ 2 ในทั่วโลกที่แข่งในไทยในเรื่องความพร้อมนี้ เราควรใช้พลังของอินเทอร์เน็ตในการใช้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดี ของ SMEs ของเกษตร ที่จะสามารถก้าวไปตีตลาดต่างประเทศได้ เราเชื่อมั่นว่าทั่วโลกในอีกหลายปีข้างหน้า SMEs ทั่วโลกกว่า 80% น่าจะเป็น SMEs จะลุยตีตลาดทั่วโลก ถ้าทำธุรกิจแต่ในประเทศก็จะดำรงอยู่ได้อยาก SMEs จะต้องเตรียมพัฒนาตัวเองก้าวสู่ SMEs ระดับโลก
เมื่อเร็วๆนี้ ท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เผยว่า ประเทศจีนจะเปิดประเทศมากขึ้น ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศจีนจะนำเข้าสินค้ามากกว่า 8 ล้านล้าน ดอลลาร์จากทั่วโลก ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและการเปิดประเทศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และโอกาสของจีนและเป็นโอกาสของทั่วโลก
วิสัยทัศน์ของประเทศไทยอย่าง Thailand 4.0 เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในหลายประเทศยังคงเกรงกลัวและหวาดหวั่นในเรื่องธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ประเทศไทยมุ่งที่จะก้าวไปเชิงรุกด้วยเทคโนโลยี เป็นการสร้างโอกาสของทั้ง 2 ประเทศ เรามองในอนาคตแล้วเรามีความหวังทำให้เอเชีย ไปสู่อนาคตที่ไม่เหมือนใคร โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ที่จะถึงนี้จะเกิดขึ้นในเอเชีย
เราขอบคุณตลอด 1 ปีที่ผ่านมาทีมงานจากทั้ง 2 ฝ่าย ขอบคุณรัฐบาลไทยในยุคนี้ ทำให้หลายสิ่งที่เป็นไปได้น้อยก็ทำได้สำเร็จ เราไม่ได้มองว่าเราทำธุรกิจร่วมกัน แต่เป็นการสร้างอนาคตร่วมกันด้วยวิสัยทัศน์เดียวกัน ช่วยเหลือ SMEs ช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยเหลือคนรุ่นใหม่ เราเชื่อมั่นต่อประเทศไทย การลงทุนของเราต้องเป็นการลงทุนระยะยาว
ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ของทั่วโลกรวมถึงรูปแบบใหม่ของเศรษฐกิจเอเชีย
- จากเมื่อก่อน Made in China , Mede in Thailand , Made in USA แต่เราเชื่อว่าในอนาคตจะเป็น Made in Internet
- เมื่อก่อนขายผ่านตู้คอนเทนเนอร์ วันหลังจะเป็นแพ็คเกจเล็กๆ
- เมื่อก่อนเป็น B2C ในอนาคตเป็น C2B
- เมื่อก่อนเป็นธุรกิจการผลิต สร้างเศรษฐกิจ แต่วันหลังในอนาคตการบริการ จะเป็นการสร้างเศรษฐกิจ
ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านให้บริการมาก ดังนั้นประเทศไทยจึงไม่น่าห่วงในเรื่องเทคโนโลยีมาแย่งงาน ความท้าทายยังมีอีกเยอะ โลกาภิวัตน์เป็นสิ่งที่หยุดยั้งและหลีกเลี่ยงได้ แต่จะทำให้ SMEs และบริษัทรายย่อยได้รับผลประโยชน์ โลกาภิวัตน์ในอนาคตนำไปสู่ธุรกิจในรูปแบบของ SMEs ด้วย ขายข้าว ผลไม้ ทุเรียนของไทย แต่เราขายอนาคตด้วย เราต้องพยายามมุ่งสู่อนาคตเพื่อความฝันของเรา นี่ละเป็นเป้าหมายหลักที่เราจะร่วมมือกับไทยในวันนี้ การลงนามเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เราจะพยายามไม่ทำให้ประเทศไทยและประชาชนไทยผิดหวัง เราจะพร้อมที่จะพัฒนาที่ Alibaba มีโอกาสมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ทั้งโครงการ EEC และ Thailand 4.0 เราจะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นตรงนี้ผิดหวัง”…. แจ็ค หม่า กล่าว
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ Alibaba ได้ทำการศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบในระดับภูมิภาค และตัดสินใจที่จะลงทุนสร้างดิจิทัลฮับ (Smart Digital Hub) ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในนโยบายประเทศไทย 4.0 และอนาคตที่สดใสของเศรษฐกิจไทย โดยดิจิทัลฮับที่จะสร้างขึ้นนี้ นับเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยง SMEs ไทยในทุกระดับ ทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่ม OTOP และกลุ่มเกษตรทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนและตลาดโลก ความร่วมมือกับ Alibaba ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs และเกษตรกรของไทย ซึ่งจะขยายไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะเดียวกันยังจะเป็นแรงเสริมขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยด้วย”
นอกจากการลงนาม MOU ถึง 4 ฉบับแล้ว ยังมีการเปิด Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall.com ซึ่งเป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์ระดับพรีเมี่ยมแบรนด์เนมด้วย ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายผลิตผลทางการเกษตร ทั้งข้าว และผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมชาวจีนอย่างมาก
แจ็ค หม่า กล่าวว่า “เราได้ทำการเปิดจองทุเรียนล่วงหน้าให้คนจองเข้ามา ปรากฎว่าตอนนี้มีคนสนใจจองแล้ว 6หมื่นกว่าออเดอร์แล้ว พอเราเปิดระบบนี้ปุ๊ป เรารู้ความต้องการ เราจะสามารถวางแผนด้านลอจิสติกส์ได้ดีขึ้น ถ้าจัดการลอจิสติกส์ได้ดีขึ้น ก็จะสามารถช่วยเกษตรได้ขายสินค้าได้เร็วมากขึ้น