เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 มกราคม Samsung เกาหลีใต้ แถลงสรุปสาเหตุปัญหา Samsung Galaxy Note 7 หลังจากที่เลิกจำหน่ายทั่วโลก และดำเนินการสืบสวนปัญหาต่างๆเพื่อแก้ปัญหาความเชื่อมั่นในการผลิต โดยสรุปสาเหตุปัญหา Samsung Galaxy Note 7 นั้นเกิดจากปัญหาการออกแบบแบตเตอรี่
การสืบสวนครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน UL (Underwriters Laboratories), Exponent และ TUV Rheinland โดย 2 หน่วยงานแรกจะตรวจสอบเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรม และการออกแบบแบตมือถือรุ่นนี้ ส่วน TUV ตรวจสอบเรื่องการขนส่งไปยังโรงงานที่รัสเซียและเวียดนาม การสืบสวนครั้งนี้ใช้วิศวกรไปถึง 700 คน และทดสอบบนมือถือ Samsung Galaxy Note 7 กว่า 2 แสนเครื่อง และแบตเตอรี่มากกว่า 3 หมื่นก้อน
สาเหตุปัญหาแบตเตอรี่ Galaxy Note 7
มี Battery A คือล็อตแรก และ Battery B ที่เปลี่ยนแบตเป็นแบตใหม่แล้วยังมีปัญหาอีกก่อนที่จะหยุดจำหน่าย Galaxy Note 7 เมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา
โดย Battery A ถูกแรงกดบริเวณมุมขวาบนของแบต ทำให้ชั้นข้างในบิดงอ ประกอบกับแผงกั้นแบตเตอรี่มีความบาง ทำให้แบตเตอรี่เองกระทบกันเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และระเบิดในที่สุด
ส่วน Battery B ที่เปลี่ยนแทนที่ Battery A นั้น แก้ปัญหาจุดนี้แล้วแต่ Battery B มีปัญหาที่ฉนวนที่ป้องกันระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ ที่ยังไม่ดี ทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดเช่นกัน
ผลการตรวจสอบดังกล่าวนี้ Samsung ได้ประกาศแผนมาตรการความปลอดภัยในการผลิต โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่ คือ
เพิ่มจุดตรวจเพื่อความปลอดภัย 8 จุด (8-Point Battery Safety Check) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่เหมือน Galaxy Note 7 อีก โดยตรวจสอบตั้งแต่การออกแบบ การประกอบ การจัดส่งอุปกรณ์ มีการทดสอบความคงทน การ X-Ray Battery , การปล่อยประจุไฟฟ้า , ทดสอบการใช้งานจริง ทั้งนี้ Samsung ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญภายนอก 4 คนมาเป็นคณะที่ปรึกษา Battery Advisory Group เพื่อช่วยกำกับดูแลกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ด้วย
งานนี้ต้องจับตาเรื่องเทคโนโลยีการผลิตและการออกแบบแบตเตอรี่มากขึ้น เพราะการผลิตแบตเตอรี่นั้นอาจไม่เน้นแค่ความจุ ความร้อน ความบาง ชาร์จไฟไวเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องความคงทนความปลอดภัยต่อผู้ใช้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
ข้อมูลจาก Samsung Newsroom