Huawei พร้อมสนับสนุนประเทศไทย 4.0 กับแนวคิด “เปิดรับชีวิตในรูปแบบดิจิทัล” (Embrace Digital Life) ซึ่งเป็นอีก 1 บูธที่น่าสนใจและมีผู้เข้าแวะเยี่ยมเป็นจำนวนมากที่คุณห้ามพลาด!!! ภายในงาน Digital Thailand Big Bang 2017 งานมหกรรมการแสดงนิทรรศการนานาชาติเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบูธหัวเหว่ยได้นำนวัตกรรมและโซลูชั่นแห่งอนาคตเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตดิจิทัล อาทิ Smart City มาไว้กลางงาน ด้วยแนวคิดการบริหารจัดการเมืองยุคใหม่เพื่อปลดล็อกทุกความท้าทายด้วยนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและการสื่อสารข้อมูลที่ถูกที่ถูกเวลาเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะรวมถึงความปลอดภัยที่ดีกว่าเดิม
#HuaweiTech #SmartLiving #EmbraceDigitalLife #SmartHome#SmartAgriculture #SmarCity #SmartParking
คราวนี้ได้เวลาท่อง Smart City ภายในบูธ Huawei กันแล้ว ก่อนอื่นผู้เข้าชมจะต้องหยิบสมาร์ทโฟนประจำตัวขึ้นมา แล้วสแกน QR Code ที่ป้ายสัญญาลักษณ์เช็คอินสีแดงๆ ตรงจุด Start ข้าง Reception ประชาสัมพันธ์ของบูธก่อน ง่ายๆเพียงเปิดแอป Line จากนั้นกดโหมด “ตัวอ่านคิวอาร์โค้ด” ทำการลงทะเบียนแสดงตัวตน จากนั้นเมื่อเดินไปดูบูธไหนนอกจากจะได้รับข้อมูลความรู้จากผู้เชี่ยวชาญภายในบูธแล้ว ผู้เยี่ยมชมยังสามารถจดบันทึกข้อมูล ของแต่ละโซลูชั่นด้วยการสแกน QR Code หมดยุคหยิบกระดาษจดๆเขียนๆข้อมูลเหมือนตอนไปทัศนศึกษากับโรงเรียน
โดยแต่ละโซลูชั่นมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเข้าสู่ Smart City กันเลย
Digital Railway : โซลูชั่นนี้จะมาช่วยบริหารจัดการรางอัจฉริยะช่วยการควบคุมการจราจรทางรางรถไฟให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและราบรื่น โดยอาศัยคุณสมบัติของเทคโนโลยี Internet of Things ช่วยในการติดตามความเคลื่อนไหวของรถไฟ ผสมผสานกับเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูง และการส่งต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้กับศูนย์บังคับการเพื่อวางแผนจัดการช่องการจราจร และรักษาความปลอดภัยรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างทันท่วงที ส่วนเทคโนโลยี Smart Pole ทาง Huawei ได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในเมือง นำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์มาพัฒนาต่อยอด จนเกิดเป็นนวัตกรรมเสาไฟอัจฉริยะที่มีปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉินติดตั้งตามที่สาธารณะ พร้อมระบบเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดความละเอียดสูงสำหรับคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวจากสถานที่จริง สนับสนุนข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผน และสั่งการเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
Smart agriculture : เทิร์นของเกษตรอัจฉริยะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการจัดการเพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพแม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถตรวจสอบสภาพอากาศ ลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ดูแลการให้น้ำและปุ๋ยได้อย่างเหมาะสม ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตของเกษตรกร
Smart Home : เทคโนโลยีที่เปลี่ยนบ้านธรรมดาๆให้เป็นบ้านอัจฉริยะ สะดวกสบายด้วยการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ต อย่างในงานวันนี้ หัวเหว่ย นำ Smart Table มาโชว์ซึ่งเราสามารถควบคุมทั้งการเปิดปิดไฟ ดูกล้องวงจรปิดภายในบ้านเปลี่ยนช่องทีวี หรือแม้กระทั่งเปิดปิดม่านผ่าน
Ultimate A.I. Mobile : ผู้เข้าชมจะพบกับ Kirin 970 ชิปอัจฉริยะตัวแรกของ Huawei ช่วยสนับสนุนการทำงานของฟังก์ชั่นอัจฉริยะในสมาร์ทโฟนและทำให้สมาร์ทโฟนทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น
Smart Energy : โซลูชั่น IoT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยประยุกต์ใช้งานร่วมกับการพัฒนาระบบ Smart Grid (โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ) ผสมกับเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ขั้นสูง เครื่องมือวัด เครือข่ายสื่อสาร และเทคโนโลยีการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เข้าไว้ในโครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้า เสาส่งไฟฟ้า หม้อแปลง และอุปกรณ์จ่ายไฟต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า Smart Grid สามารถจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่อง เสถียรภาพ และสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมต่างๆได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาด โดยใช้อุปกรณ์ Solar Inverter เป็นตัวช่วยแปลงไฟฟ้ากระแสตรงจาก Solar Cell เป็นกระแสไฟฟ้าสลับ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามบ้านเรือน
และอีก 1 ไฮไลท์ที่ถูกอกถูกใจคนใช้รถในเมือง กับ Smart Parking ระบบที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหา จอง และจ่ายเงินค่าที่จอดรถได้ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่ต้องลุ้นเสียเวลาวนหาที่จอดรถอย่างไร้จุดหมาย เพราะจุดไหนมีที่จอดรถแอปจะแจ้งบอกให้เรียบร้อย โดยทีมงานไอที 24 โมง ได้ลงไปดูนวัตกรรมลานจอดรถนี้จริง โดยที่จอดรถแต่ละจุดจะฝั่ง NB-IoT ระบบตรวจจับสถานการณ์จอดรถ หากมีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลจะแสดงสถานะล่าสุดส่งผ่านอินเตอร์เน็ต จากนั้นผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะที่จอดรถว่าง-ไม่ว่าง ผ่านทาง Mobile APP
คราวนี้หากเราจะไปที่ไหนก็เรื่องจุดหมายก่อน จากนั้นแอปจะแสดงผลว่าสถานที่ๆเราจะไปมีที่จอดรถว่างกี่ที่ หากมีรถมาจอดจะมีสัญญาลักษณ์สีแดงโชว์อยู่ ถ้าว่างสามารถจอดได้จะมีสีเขียว โดยเทคโนโลยี Smart Parking เป็นที่นิยมมากในประเทศจีน สำหรับเมืองไทยตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบ หากได้ใช้จริงรับรองได้ว่าครองใจผู้ใช้รถในกรุงเทพแน่นอน
Solution ต่างๆสำหรับการทำ Smart City ก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของ Thailand 4.0 ซึ่งหัวเหว่ยผู้นำด้าน ICT ระดับโลก ยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเทศไทย ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Thailand 4.0 ในด้านอื่นๆด้วย
ทีมไอที 24 ชั่วโมง ยังได้พูดคุยกับ มร.เฉียง หัว กรรมการผู้จัดการบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงความสนใจ และสนับสนุนประเทศไทยสู่ยุค Thailand 4.0 ว่า “3 สิ่งที่สำคัญนั้นคือ เรื่องของข้อมูล ที่จะต้อง track ข้อมูลได้ทั่วถึงครบถ้วน และ connecting การเชื่อมโยงข้อมูลทุกส่วนเข้าด้วยกัน และสุดท้าย คือ Intelligent ซึ่งนี่คือ 3 ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ Thailand 4.0 ด้วย โดยในเรื่อง Transformation หัวเหว่ยมองว่า สิ่งที่ทางหัวเหว่ยจะทำได้ดีที่สุด มีสองส่วน ที่หัวเหว่ยจะทำคือ connectivity และ การเปิดกว้างความร่วมมือ เปิดกว้างให้ทุกอุตสาหกรรมหรือทุกส่วนมาร่วมกันสร้าง ecosystem ร่วมกัน และจะทำอย่างไรให้ partner ของเรา พร้อมไปด้วยกันและร่วมสร้าง ecosystem ไปด้วยกัน”
นี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่า ทางหัวเหว่ย ผู้นำด้าน ICT ระดับโลก นอกจากจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นแถวหน้าของโลกแล้ว ก็ยังมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพร้อมที่จะส่งเสริม ร่วมผลักดัน ประเทศไทย เปลี่ยนผ่านสู่ Thailand 4.0 ที่การพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั่นเอง