บทความโดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
การพลิกผันและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลอย่างสิ้นเชิงที่กำลังเกิดขึ้นทุกวินาที ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลกระทบทั้งองค์กร ไปจนถึงระดับบุคคล จึงจำเป็นที่จะต้องติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีว่ากำลังเดินไปยังจุดใด เพื่อเตรียมตัวให้สามารถคงอยู่ในตลาดต่อไปได้ และเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถก้าวตามทันแนวโน้มทางดิจิทัลได้
บริษัทวิจัยขนาดใหญ่ เช่น Gartner, Forrester และ IDC ได้วิจัยโดยใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ในทุกๆปี เพื่อทำความเข้าใจลักษณะของเทคโนโลยีในอนาคต ได้พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังคงวิ่งตามเทคโนโลยีอยู่ โดยการวิจัยของ Forrester แสดงให้เห็นว่ามีบริษัทเพียง 27% ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลในการดำเนินงาน ส่วนนักวิจัยจาก Gartner และ IDC คาดว่า รายได้เชิงดิจิทัล จะเติบโตอย่างมากในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งการคาดการณ์ของแต่ละสถาบันวิจัย มีแนวโน้มและผลการวิเคราะห์ ดังต่อไปนี้
(1) วิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลมีความชัดเจน และมีความสอดคล้องกัน – องค์กรต่างๆ จะเริ่มมองไปที่ภาพรวมของดิจิทัล มีการมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการ แผนกต่างๆ ให้มีขนาดลดลง และ 60% ของภาคธุรกิจ จะทำการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่เฉพาะด้านดิจิทัล เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์และการริเริ่มระบบดิจิทัลขององค์กรโดยเฉพาะ
(2) การเพิ่มขึ้นของรายได้เชิงดิจิทัล (Digital Revenue) จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ – ก่อนหน้านี้ ฝ่าย IT ไม่ได้ทำหน้าที่สร้างรายได้โดยตรงให้แก่องค์กร แต่ปัจจุบัน ฝ่าย IT จะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ในองค์กรขนาดเล็ก ด้วยการสร้างรายได้เชิงดิจิทัล ความคิดริเริ่ม และความท้าทายใหม่ๆ
(3) เกิดตำแหน่งงานมากขึ้น – ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT จะต้องการเข้าถึงซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ใหม่ๆมากขึ้น ดังนั้นจึงมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ต้องการพัฒนาทักษะใหม่ เพื่อจัดการกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่น หุ่นยนต์, ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) และ Internet of Things (IoT) เป็นต้น
(4) Big Data จะมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา – Big Data จะกลายเป็นปัจจัยหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่ทำให้องค์กรสามารถมองเห็นและตระหนักถึงข้อบกพร่อง, โอกาสใหม่ๆ และกระบวนการทางธุรกิจขององค์กรได้
(5) การเชื่อมต่อจะเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล – การเติบโตของ IoT จะเข้ามาผลักดันวิสัยทัศน์, การใช้ข้อมูล และวิวัฒนาการของงานและกระบวนการในองค์กร เนื่องจากอุปกรณ์จำนวนมากสามารถเชื่อมต่อถึงกัน และสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนมากขึ้น โดยใช้วิธีการที่มีประโยชน์และความร่วมมือกัน ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของทุกๆองค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
จากที่กล่าวมาในข้างต้นทั้งหมดนั้น จะเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ “การเปลี่ยนแปลง” ซึ่งองค์กร แผนกต่างๆ และบุคลากรในองค์กร ต่างต้องยอมรับความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้น เพื่อหาเส้นทางเดินต่อไปทางดิจิทัลในอนาคต
การยอมรับอนาคตของการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้นำ ซึ่งนักยุทธศาสตร์มักพูดถึงแนวทางในการแปลงสู่รูปแบบดิจิทัล เหมือนกับว่ามีแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งโดยทั่วไปพบว่าแนวโน้มที่องค์กรจะประสบความสำเร็จนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ แต่องค์กรส่วนใหญ่ก็ไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่จะสามารถนำไปสู่ความสำเร็จทางดิจิทัลได้อย่างชัดเจน
ในความเป็นจริง ผู้นำส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นว่าอะไรจะส่งผลกระทบต่ออนาคตมากที่สุด ซึ่งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนทั่วไปคิดว่าสื่อดิจิทัล จะทำให้หนังสือพิมพ์และสื่อแบบดั้งเดิมล้าสมัยเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยนึกถึงก็คือความสัมพันธ์และการพึ่งพากันของการพิมพ์และสื่อดิจิทัลในปัจจุบัน เช่น หากคุณพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ในขณะนี้ คุณจะพบกับสื่อที่สามารถโต้ตอบได้ และจะเห็นโฆษณาออนไลน์ที่สามารถใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนเชื่อมโยง content ได้ทันที เป็นต้น
วิวัฒนาการของสื่อดิจิทัลมีผลต่อแวดวงสื่อสารมวลชนและสื่ออย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งไม่ได้มีการหดตัวตามที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลกลับสร้างโอกาสให้มากขึ้นกว่าที่เคย แต่ดิจิทัลทำให้เกิดการแตกกระจายตัวของสื่อ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในการเสพสื่อหลายแพลทฟอร์มในเวลาเดียวกัน และละเลยสื่อดั้งเดิมที่ไม่ปรับตัวตามพฤติกรรมดังกล่าว
เป้าหมายของการตลาดที่เน้นไปที่ลูกค้า (Consumer-centric) และ Big Data ต่างมีความสำคัญ แต่องค์กรส่วนใหญ่กลับใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลเท่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้อย่างแท้จริง มักเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่สามารถมองเห็นอนาคตและขั้นตอนต่างๆ ที่จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีในปัจจุบันและเทคโนโลยีในอนาคตลงได้ ดังนั้น องค์กรจำเป็นต้องรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และยังคงต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่ผู้บริโภคอาจจะยังไม่ทราบว่าพวกเขาต้องการ
การเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เราจะเห็นการเชื่อมโยงกันทางภูมิศาสตร์ และการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล โดยคอมพิวเตอร์จะมีความรวดเร็วขึ้นอย่างคาดไม่ถึง และจะมีขนาดเล็กลง อีกทั้งสามารถใช้งานได้ง่ายกว่าที่เคย และชีวิตจะเริ่มเปลี่ยนไปในอัตราเร่ง โดยเทคโนโลยีอาจทำให้งานเก่าๆ ลดน้อยลงและหายไป แต่ก็จะสร้างงานรูปแบบใหม่ขึ้นมาแทน
ตราบใดที่ผู้นำยอมรับการเปลี่ยนแปลง และสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว อนาคตก็จะเต็มไปด้วย “ความเป็นไปได้”… Impossible is nothing.
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
19 มีนาคม 2560
www.เศรษฐพงค์.com
หากท่านสนใจความรู้ด้านดิจิทัล
เข้าร่วมกับเราและทักเข้ามาที่
LINE id : @march4g