มีคนจำนวนมากกว่า 2.5 พันล้านคนทั่วโลก ที่ไม่ได้รับบริการจากธนาคารหรือสถาบันการเงินขนาดเล็กในการฝากเงินหรือกู้ยืมเงินแม้แต่น้อย โดยส่วนใหญ่ของคนจำนวนนี้อาศัยอยู่ในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งมีประชากรในวัยทำงานถึง 800 ล้านคนที่ใช้ชีวิตด้วยเงินน้อยกว่า 5 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยที่การบริการธนาคารแบบดั้งเดิมไม่รองรับบริการคนประเภทนี้ที่มีจำนวนมหาศาล ทั้งนี้เพราะมีค่าใช้จ่ายที่แพงเกินกว่าจะเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ FinTech สามารถสร้างความแตกต่างได้ ทั้งนี้เพราะในวันนี้ สมาร์ทโฟนมีราคาถูกลงและมีการใช้ที่แพร่หลายมากขึ้น โดยมีผู้ใช้ประมาณ 1.9 พันล้านคนในปีค.ศ. 2015 จากสถานการณ์นี้ Android เป็นผู้เปลี่ยนเกม โดย Xiaomi แบรนด์สัญชาติจีนได้ออกโทรศัพท์ Android เป็นเจ้าแรกในปี 2011 และสามารถขายได้ถึง 100 ล้านเครื่องแล้วในปีนี้ และยังเป็นบริษัทสตาร์อัพที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ผลที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือ มีการใช้เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคนที่ไม่มีการใช้บริการธนาคารถึง 2.5 พันล้านคนที่ต่างมีสมาร์ทโฟนก็สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้ ตัวอย่างเช่น Soft Space บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติมาเลเซียและ SmartPesa ของสิงคโปร์ ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ให้บริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยการขายแอพพริเคชั่น โดยมีลูกค้าที่มีศักยภาพถึง 600 ล้านคนในการส่งและรับการชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสด โดยหญิงสูงอายุในกัวลาร์ลัมเปอร์สามารถกินอาหารข้างทางได้โดยไม่ต้องพกเงินสด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมได้อีกด้วย และจากมุมมองของผู้หญิงท่านนี้คือ เพียงแค่แตะที่โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เธอใช้ทุกวัน เธอก็สามารถนำเงินเข้าสู่ระบบธนาคารได้แล้ว
จากตัวอย่างดังกล่าว อาจดูเหมือนเป็นจำนวนเงินที่น้อย แต่เมื่อรวมกันหลายล้านคนที่มีการใช้ทุกวัน เงินที่ไหลเข้าระบบนี้สามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้อย่างมีพลัง นอกจากนี้ กำไรที่ได้โดยบริษัทที่อยู่เบื้องหลังระบบการชำระเงินนี้เป็นแรงบันดาลใจให้มีนักลงทุนต่างๆ มากขึ้นรวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ ด้วย ดังนั้นทำให้เกิดการวิจัยและพัฒนามากขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้เกิดโอกาสในการสร้างงานและสร้างนวัตกรรมให้กับประเทศที่มองเห็นโอกาส เกิดเป็นขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในที่สุด
เค้กก้อนโตที่ธนาคารแบบดั้งเดิมไม่เคยสนใจมัน แต่กลับกลายเป็นว่า เทคโนโลยีที่ทรงประสิทธิภาพที่มีราคาถูกและเข้าถึงง่ายได้เข้ามา disrupt อุตสาหกรรมการเงินขนาดใหญ่แล้วในวันนี้ โดยบริษัทสตาร์ทอัพเกิดใหม่ขนาดเล็กและขนาดกลางเข้ามาแทรกเพื่อคว้าเค้กก้อนโตนั้นไป และยังมีแน้วโน้มที่จะเข้าไปแย่งเค้กก้อนเดิมของธนาคารแบบดั้งเดิมอีกด้วย
ลองนึกถึง M-Changa บริษัทสตาร์ทอัพจากเคนย่า ซึ่งแอพลิเคชั่นของพวกเขาให้บริการในการกู้เงินได้และยังเป็น crowdfunding ขนาดเล็กสำหรับค่าเทอมในกรณีฉุกเฉิน และแม้แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการแต่งงานหรืองานศพ แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่บริษัทสตาร์ทอัพได้มาเปลี่ยนให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากคนเป็นล้านคนแบบเรียลไทม์ และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการที่เราต้องพกเงินสดในเวลาเดินทาง (M-Changa เป็นสมาชิกของ Startupbootcamp FinTech เป็นโปรแกรมที่มีฐานในลอนดอน)
คราวนี้เราลองมากูเกิ้ลคำว่า “มิเตอร์แบบเติมเงิน (prepaid meter)” ที่เป็นระบบการชำระเงินล่วงหน้าสำหรับค่าไฟฟ้า ถ้าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักร จะเห็นว่ามีรายชื่อบริษัทผู้ให้บริการหลากหลาย โดยมีผลการค้นหาเกือบครึ่งล้านที่พบ อย่างไรก็ตามพบว่าการใช้มิเตอร์แบบเติมเงินไม่ได้เริ่มมีการใช้และพัฒนาในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่เป็นในแอฟริกาใต้
ประเทศกำลังพัฒนามีกลุ่มของลูกค้าใหม่ขนาดใหญ่และมีทรัพยากรที่จำกัดที่จะต้องบริหารจัดการ โดยลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีสมาร์ทโฟนที่เราสามารถเข้าถึงได้ และผลจากการรวมกันของกลุ่มลูกค้าใหม่และทรัพยากรที่จำกัด ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพมีการพัฒนาด้วยต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา และพร้อมสำหรับทดสอบบริการใหม่ๆในตลาดท้องถิ่น แต่ที่ผ่านมาเทคโนโลยีเหล่านี้มักจะถูกนำมาปรับใช้ในประเทศโลกตะวันตกได้ด้วย
ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในแต่ละประเทศ
- Ezetap (อินเดีย)
Ezetap ครองตลาด mPOS ที่เป็นจุดจำหน่ายอุปกรณ์เคลื่อนที่กว่า 80% ในประเทศอินเดีย โดยเพิ่งเปิดตลาดในอินเดียประเทศเดียว แต่ตลาดนี้มีลูกค้าถึงพันล้านคนซึ่งมากกว่าในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและยุโรปรวมกัน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาวและกลุ่มคนที่เป็นผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ โดย Ezetap มีผู้นำองค์กรคือ Abhijit Bose ซึ่งเปรียยเหมือนเป็น Steve Jobs แห่งอินเดีย - Wedlite (อินโดนีเซีย)
หากต้องการแต่งงานกับคนอินโดนีเซียแต่ไม่มีเงิน แต่การจัดงานแต่งงานไม่ใช่ธุรกิจที่ธนาคารจะให้การสนับสนุนทางการเงินได้ ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างในตลาดที่สตาร์ทอัพ Wedlite มาเติมเต็ม โดยทำให้คนอินโดนีเซียสามารถได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อจัดงานแต่งงานของพวกเขาได้โดยมีการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ถ้าคุณคิดว่าเรื่องการเงินนั้นน่าเบื่อและไม่ใช่เรื่องที่ sexy นั้น แต่จากมุมมองของลูกค้าของ Wedlite แล้ว อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดนี้ได้ ทั้งนี้เพราะความมหัศจรรย์ของ FinTech นั่นเอง - SoftSpace (มาเลเซีย)
มาเลเซียเป็นตลาดที่มีการเติบโตของผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เร็วที่สุดในโลก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่บริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องโซลูชั่นการชำระเงินแบบ B2B ของอาเซียนอย่าง SoftSpace จะเกิดขึ้นในประเทศนี้ และได้ขยายออกไปยังอีก 7 ประเทศรวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยแค่อินโดนีเซียก็มีลูกค้าถึง 250 ล้านคนแล้ว - Ola (อินเดีย)
Ola Cabs ให้บริการแทกซี่ และเพิ่งพัฒนาแอพลิเคชั่นสำหรับเรียกแทกซี่ และเพราะว่าไม่ใช่ทุกคนในอินเดียจะมีบัตรเครดิต ทำให้ต้องมีการพัฒนาระบบกระเป๋าเงินเพื่อจ่ายค่าแทกซี่ แต่เมื่อมีระบบการขนส่งและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิคส์แล้ว ก็มีทุกอย่างที่ต้องการสำหรับการจัดส่งอาหาร ดังนั้นจึงมีการเปิดตัว Ola café เป็นบริการใหม่อีกด้วย
เพียงแค่มุมไบเมืองเดียวที่มีประชากร 12 ล้านคน ลูกค้าส่วนใหญ่เหล่านี้ยากจนซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ใช้บริการธนาคาร ไม่มีทั้งบัตรเครดิตและไม่มีบัญชีธนาคาร ทำให้มีนวัตกรรมเกิดขึ้นและมีการใช้กระเป๋าเงินเคลื่อนที่ที่มีความกระตือรือร้นในการทำธุรกิจกว่าคู่ค้าฝั่งตะวันตก และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนส่วนใหญ่จะเห็นว่า Ola เป็นคู่แข่งของ Apple Pay และ Google Pay ในอนาคตอันใกล้นี้
- Blossom (อินโดนีเซีย)
Blossom ให้บริการสนับสนุนทางการเงินขนาดย่อยแก่คนอิสลามผ่านทาง Bitcoin ซึ่งทำให้สถาบันทางการเงินแบบดั้งเดิมต้องมาพบกับนวัตกรรมที่ท้าทายล่าสุดทางการเงินผ่านทาง Blossom ด้วยความหวาดวิตก - WeLend (ฮ่องกง)
WeLend สตาร์ทอัพที่ให้กู้เงินแบบ P2P ของฮ่องกง ได้เพิ่มทุน 160 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อต้นปี 2016 สำหรับการเปิดตลาดในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีลูกค้าที่มีศักยภาพถึง 1 พันล้านคน
หากนำหัวข้อการสนทนาเรื่อง Blockchain, Bitcoin และ Fintech มาพูดกันในเวทีด้านการบริการทางการเงินในประเทศไทยเมื่อสองปีที่แล้ว คนที่พูดเรื่องนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นคนจินตนาการสุดโต่ง แต่ในวันนี้ การพูดคุยในหัวข้อนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว และกำลังเกิดภาพที่ชัดขึ้นคือ…”เมื่อลมเปลี่ยนทิศ บางคนอาจจะสร้างกำแพงแต่บางคนอาจจะสร้างกังหัน”… ลองคิดดูว่าคุณจะสร้างอะไร?…ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
22 มิถุนายน 2560
www.เศรษฐพงค์.com
หากท่านสนใจความรู้ด้านดิจิทัล
เข้าร่วมกับเราและทักเข้ามาที่
LINE id : @march4G