หลายท่านมีแผนจะเตรียมซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ใช้งานในช่วงต้นปี 2017 โดยเฉพาะในช่วงงานมหกรรมโทรศัพท์มือถือ ในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ หรือไม่ก็รอหลังจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่อาจได้ข้อมูลเรื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัว แต่เนื่องด้วยโทรศัพท์มือถือที่มีขายในปัจจุบัน มีหลายรุ่น รายราคา และสเปคที่น่าสนใจเยอะมาก จนตาลายเลือกไม่ถูกจะเลือกรุ่นไหนดี เลยนำเสนอวิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ แบบอัปเดตล่าสุดปี 2017 กัน
1.ถามตัวเองก่อนว่าจะซื้อมือถือเพื่อใช้ทำอะไรบ้าง?
เช่น เน้นใช้งานทำงาน + เล่นเกม + ถ่าย Selfie ด้วย ก็ต้องเลือกเครื่องที่หน่วยความจำเยอะหน่อย ซีพียูที่รองรับชิพกราฟฟิคดีๆ เครื่องที่ทำงานไว และกล้องหน้าที่รองรับสำหรับการถ่าย Selfie ได้สวย รวมถึงแบตเตอรี่มือถือที่ความจุไฟเยอะ ใช้ได้นานอย่างมากต้องทั้งวัน เป็นต้น และบางครั้งอาจใช้สมาร์ทโฟนมาช่วยอำนวยความสะดวกบางอย่างเช่น ใข้มือถือแตะแทนการรูดบัตรเครดิต หรือใช้แทนบัตร Rabbit ขึ้นรถไฟฟ้า เป็นต้น และที่สำคัญเดี๋ยวนี้ใช้มือถือในการทำงานมากขึ้น อาจเน้นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลลับบนมือถือด้วย
2.รองรับ 4G หรือไม่?
ถ้าหากคุณต้องการใช้บริการ 4G ให้ทันสมัยในยุค 4G แบบนี้ ไหนๆก็ซื้อแล้วทั้งที ก็น่าจะให้รองรับ 4G ได้ไปเลยจะคุ้มกว่า หากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องเลือกโทรศัพท์ที่รองรับ 4G ด้วย ไม่เช่นนั้น ก็ไม่สามารถใช้ 4G ได้ถึงแม้ในบริเวณนั้นๆจะมีบริการ 4G ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันนี้ smartphone ที่รองรับ 4G ก็มีราคาลดลงมาก ประมาณสองพันบาทก็สามารถใช้ได้แล้ว
ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อมือถือ หากต้องการใช้งาน 4G ได้ สำคัญเลยคือการดูสเปคของมือถือว่ารองรับ 4G LTE หรือไม่ และถ้ารองรับ 4G รองรับ 4G คลื่นใดบ้าง ตรงกับคลื่นที่คุณต้องการจะใช้หรือไม่ โดยดูสเปคข้างกล่อง ต้องเห็นว่ารองรับ 4G หรือ LTEดูว่ารองรับ 4G LTE Band ไหน ซึ่งในไทยมี 3 คลื่น ได้แก่ LTE Band 1 คือคลื่น 2100 MHz , LTE Band 3 คือคลื่น 1800 MHz และ LTE Band 8 คือคลื่น 900 MHz เราต้องดูให้ตรงกันกับผู้ให้บริการมือถือที่เราใช้ซิมของเค้าอยู่ด้วย (ลองสอบถามผู้ให้บริการดู)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ข้อสังเกตดู spec เครื่อง smartphone 4G LTE
3.ระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือ
ระบบปฏิบัติการยอดนิยมสุดในขณะนี้ก็คือ Android (มีหลายแบรนด์) และ iOS (ของ Apple) ก็ถามตัวเองว่า ต้องการใช้ระบบปฏิบัติการใด iOS จะเป็น OS ระบบปิด ของค่าย Apple ต้องสมัคร Apple ID ในการดาวน์โหลดแอพ ซื้อแอพ และซื้อบริการต่างๆ
Android เป็นระบบปฏิบัติการเปิด (OpenSource) จาก google นักพัฒนาสามารถพัฒนาต่อได้ โดยผู้ใช้จะต้องใช้บัญชี google (gmail) ในการใช้บริการต่างๆเช่น โหลดแอพจาก Play Store
ทั้งนี้แนะนำสังเกตตัวระบบปฏิบัติการว่าติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดหรือเปล่า โดยช่วงนี้มือถือใหม่จะเป็น iOS10 สำหรับฝั่ง Apple กับ Android 7.0 สำหรับมือถือใหม่ของ Android ทั้งนี้สำหรับฝั่ง Android หรือเลือก Android 6.0 สำหรับบางรุ่นได้แล้วค่อยอัปเดตภายหลัง
4.ROM กับ RAM และหน่วยความจำ
- ROM (Read-Only Memory ) หน่วยความจำถาวรของโทรศัพท์ที่ให้มาบนเครื่อง หรือที่เรียกว่าหน่วยความจำภายในเครื่องนั่นเอง ปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่ 8GB , 16GB , 32GB , 64GB และ 128GB ซึ่งใช้เก็บข้อมูลทั้งตัวระบบปฏิบัติการเอง แอพ เพลง เอกสาร รูปภาพ วีดีโอ และไฟล์อื่นๆ ยิ่งหน่วยความจำเยอะสามารถลงแอพได้มาก หากหน่วยความจำน้อยก็จะต้องเอาข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือมา backup ลงคอมหรือ Cloud ทีมงานขอแนะนำเลือกที่ 32 GB จะเพียงพอ
- RAM (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำชั่วคราวของโทรศัพท์ รับ-ส่ง และเป็นที่พักข้อมูล ระหว่างการใช้งานยิ่ง RAM เยอะ การทำงานยิ่งเร็วขึ้น ถ้า RAM น้อยอาจทำงานช้าลง ดังนั้นการเลือก RAM ก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานของเครื่อง บางครั้งทำงานร่วมกับ CPU มือถือด้วย ทีมงานแนะนำเลือกสเปค RAM ขั้นต่ำ 3GB
และอีกตัวเลือกนึงคือ การรองรับหน่วยความจำภายนอกด้วย microSD ดูว่ามือถือคุณรองรับหรือไม่ด้วย ยกเว้น iPhone ซึ่งไม่มีการเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD ได้ตั้งแต่แรก ซึ่งถ้ามือถือคุณรองรับ MicroSD ก็จะช่วยให้มือถือของคุณมีหน่วยความจำได้มากขึ้น แต่ว่าตัวการ์ดที่จะใส่ก็มีความสำคัญเช่นกัน การจะเลือกซื้ออย่างไร อ่านได้ที่ เคล็ดลับการเลือกซื้อ SD Card ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ของคุณ อีกทั้งก็ต้องระวังของปลอมด้วย เพราะหากเป็นของปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน ก็จะทำความเสียหายให้กับเครื่องของคุณและข้อมูลของคุณได้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิธีสังเกต Micro SD card ของจริงหรือของปลอม
5.CPU (Central Processing Unit)
คือ หน่วยประมวลผลกลาง เหมือนสมองของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบัน CPU ก็มีหลายประเภท
CPU single-core คือหน่วยประมวลผลที่มีการทำงานเพียง หนึ่งแกนสมอง ทำงานคนเดียว อาจทำให้เครื่องล่าช้า
CPU Dual-core ซีพียู 2 แกนสมอง เหมือนมีคน 2 คนช่วยทำงานด้วยกัน
CPU Quad-Core ซีพียู 4 แกนสมอง ช่วยกันทำงาน เพื่อการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตอนนี้พบมากบนมือถือยุคปัจจุบัน
CPU Octa Core ซีพียู 8 แกนสมอง สามารถประมวลผลที่มีประสิทธิภาพรวดเร็ว พบได้บนโทรศัพท์มือถือราคากลางๆจนถึงระดับเรือธง
นอกจากนี้ ตัวเลขความเร็วซีพียูยิ่งสูงยิ่งทำงานได้เร็วขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามหากมีซีพียูที่มีแกนสมองมากๆโดยเฉพาะระดับ Octa Core นี้ ต้องหาเครื่องที่รองรับความจุแบตเตอรี่เยอะๆ เพราะการประมวลของซีพียู Octa Core ผลนี้ทำให้กินพลังงานแบตมากทีเดียว ซึ่งซีพียู Octa Core เป็นที่นิยมมากสำหรับคอเกมที่ใช้กราฟฟิคสูงๆ
6.ซิมการ์ด
ดูด้วยว่าเครื่องคุณรองรับกับซิมการ์ด 3G , 4G และเครือข่าย 3G ,4G มั้ย และต้องทราบด้วยว่าเครื่องของคุณรองรับใส่ซิมการ์ดชนิดไหนเช่น Micro Sim และ Nano Sim เป็นต้น สำหรับการเลือกซื้อมือถือที่รองรับ 4G สามารถอ่านได้ที่ ข้อสังเกตดูสเปคเครื่องสมาร์ทโฟน 4G LTE และตอนนี้มือถือหลายรุ่นรองรับ 2 ซิมแล้ว และรุ่นใหม่ๆมีรองรับ stand by 3G แล้ว จากเดิมที่ซิมนึงทำงาน 3G หรือ 4G แล้วอีกซิมนึงจะทำงานบน 2G
7.กล้อง
ความละเอียดกล้องหน้า/กล้องหลัง ว่ากี่ล้านพิกเซล ส่วนใหญ่จะนิยมตั้งแต่ 8 ล้านพิกเซลสำหรับกล้องหลัง และกล้องหน้าสัก 5 ล้านพิกเซล นอกเหนือนี้ยังต้องดูเทคโนโลยีอื่นในกล้องมือถืออย่างเช่น OIS สามารถป้องกันภาพไหว กรณีถ่ายสั่นไหวได้ด้วย รวมถึงสำหรับคนชอบถ่ายโหมดวีดีโอลองเช็คว่าสามารถถ่ายความละเอียด HD, Full HD , 4K หรือ 60 Fps ได้หรือเปล่า
ในกรณีคุณเลือกมือถือที่รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K ซึ่งก็ได้คือได้วีดีโอที่มีความคมชัดสูงมาก แต่ขณะเดียวกัน การบันทึกวีดีโอ 4K จะได้ขนาดวีดีโอที่ใหญ่ นี้ก็จะใช้พื้นที่ 375 MB โดยประมาณ ดังนั้นแค่คิดถ่าย 4K พื้นที่ว่างของสมาร์ทโฟนต้องเยอะด้ตวย ส่วนใหญ่มือถือ Android จะถ่ายแล้วได้ความละเอียด 2160P ส่วน iPhone ก็ได้ความละเอียด 1080P
กรณีถ่ายวีดีโอแบบ 60Fps นี้ถ้าได้ใช้ก็จะสามารถแชร์วีดีโอขึ้น Youtube แล้วดูลื่นไหลขึ้น และสามารถนำมาตัดต่อวีดีโอเพื่อทำภาพ Slowmotion ที่สวยงามได้ด้วย แต่ก็ต้องใช้พื้นที่หน่วยความจำบนมือถือเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้กล้องมือถือทำอะไรบ้าง
8.แบตเตอรี่
ยิ่งมีความจุสูง mAh มากเช่น 3000 mAh จะสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ทั้งวัน แต่อาจใช้เวลาชาร์จไฟนานขึ้นดังนั้นหากมีความจุสูงๆอาจต้องพิจารณาดูว่ามีเทคโนโลยี fast charging มีมั้ยซึ่งจะช่วยลดเวลาการชาร์จแสนนานได้
9.ดีไซน์สวยจับถนัด
การออกแบบดีไซต์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมีผลกับบุคลิกของเราและการใช้งานมือถือของเราด้วย ดังนั้นเลือกเครื่องที่ออกแบบแล้วเข้ากับมือเราและการใช้งานของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ ขนาดของหน้าจอด้วย
10. ขนาดของเครื่องและขนาดหน้าจอ
ปัจจุบันนี้มีหลายขนาดตั้งแต่ จอ 3นิ้ว ,4-5 นิ้ว และใหญ่กว่า 5.5 นิ้ว โดยหน้าจอเล็กยิ่งทำให้การจับมือถือใส่กระเป๋ากางเกงง่าย พกพาสะดวกไม่คับกระเป๋า แต่จอภาพจะเล็กแบบคับจอไปหน่อย ถ้าหน้าจอขนาด 4-5 นิ้วเป็นหน้าจอที่กำลังพอดี ถือใส่กระเป๋ากางเกงได้ และสามารถจิ้มสัมผัสหน้าจอสะดวก และนาด 5.5 นิ้วขึ้นไป เหมาะสำหรับคนทำงานหนักๆ ชอบดูข้อมูลและความบันเทิงเยอะๆ เช่น ชมวีดีโอ เกม อ่านอีบุ๊ค ชมภาพยนตร์ จอใหญ่นี้ผู้ใหญ่จะสะดวกในการจิ้มแตะสัมผัสแอพบนหน้าจอ แต่ด้วยขนาดหน้าจอใหญ่นี้เมื่อใส่กระเป๋ากางเกงจะรู้สึกคับกระเป๋าทันที
ดีไซต์ของปุ่ม โดยเฉพาะตำแหน่งปุ่มของมือถือแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน ดังนั้นลองสัมผัสปุ่มทดลองใช้งานก่อนซื้อ ที่เปนเอกลักษณ์เด่นๆสุดอย่างเช่น LG G3 – LG G5 ที่มีปุ่มให้กดคุมด้านหลังเครื่อง รวมถึงเรื่องของโครงสร้างตัวเครื่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยมือถือโครงสร้างแบบอลูมิเนียม ได้รับความนิยมสุด รองลงมาก็เป็นมือถือวัสดุพลาสติกที่หลายท่านคุ้นเคย
หน้าตา User Interface รูปแบบหน้าจอของสมาร์ทโฟนของแต่ละระบบปฏิบัติการ และแต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกัน ซึ่งต้องลองใช้งานก่อนจะซื้อ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลว่าคุณชอบหน้าจอ UI แบบไหน แต่ถ้าไม่ชอบ UI ที่เครื่องให้มา ก็สามารถโหลด Launcher ในการเปลี่ยน User Interface ได้ (ยกเว้น iPhone และ Windows 10 Mobile ที่ไม่มีหน้าตาอื่นเลย
11. เซ็นเซอร์ของโทรศัพท์มือถือ
สมาร์ทโฟน Android ราคาปานกลางสเปคไม่เกินหมื่น แต่ดูรายละเอียดสเปคแล้วแรงมากๆ มีมากมายขายดีในท้องตลาดในช่วงนี้เล่นเกมกราฟฟิคสูงๆ กล้อง Selfie สวย มีสแกนลายนิ้วมือแล้ว โดยเฉพาะแบรนด์จีนขายในราคาถูกกว่าแบรนด์อินเตอร์มากๆ แต่พอมาเล่นเกมฮิต Pokemon GO! หรือโหลดแอป Google Cardboard แล้วเครื่องกลับไม่รองรับ หรือไม่เห็นโปเกม่อน ในโหมด AR ต้องปิด AR ก่อนถึงจะเห็น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เลยตรวจสอบอีกขั้นด้วยแอปตรวจสอบเซ็นเซอร์ ทำให้พบความจริงอีกด้านที่ผู้จะซื้อสมาร์ทโฟน Android ต้องรู้นอกจากข้อมูลสเปค
แอปที่จะตรวจสอบเซ็นเซอร์ Android ว่าสมาร์ทโฟนของเราสามารถทำงานในส่วนไหนได้บ้างนั้น มีชื่อว่า Sensor Box โหลดฟรีทาง Play Store เพียงโหลดและเปิดแอปนีัก็จะรู้ทันทีว่าสมาร์ทโฟนของเราไม่มีเซ็นเซอร์ตัวไหนบ้าง ซึ่งจะแสดงถึง 9 เซ็นเซอร์ด้วยกันคือ
- Accelerometer Sensor = เซ็นเซอร์จับลักษณะการเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน การเอียงเครื่อง
- Light Sensor = เซ็นเซอร์วัดสภาพแสง เพื่อปรับการแสดงผลหน้าจอ ซึ่งคงคุ้นเคยกับโหมด auto ในโหมดปรับความสว่าง
- Orientation Sensor = เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ (คล้ายตัววัดระดับน้ำ)
- Proximity Sensor = เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับเครื่องสมาร์ทโฟน
- Temperature Sensor = เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ
- Gyroscope Sensor = เซ็นเซฮร์ ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
- Sound Sensor = เซ็นเซอร์ตรวจจับเสียง
- Magnetic Sensor = เซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เข็มทิศดิจิตอล)
- Pressure Sensor = เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกด (นึกถึง Touch ID ของ iPhone 6S , iPhone 6S Plus )
หากเซ็นเซอร์ไหนมี ก็จะมีให้แตะทดสอบการทำงานของเซ็นเซอร์ด้วย หากไม่มีจะขึ้นเครื่องหมายวงกลมห้ามสีแดง
ซึ่งเซ็นเซอร์ Android ที่สำคัญมากสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบัน และอาจต้องสังเกตเป็นพิเศษว่าจะต้องมี สำหรับคอเกมนั่นคือ Gyroscope Sensor ในการควบคุมการหมุนการเคลื่อนไหวสมาร์ทโฟน ซึ่่งเป็นส่วนสำคัญของพวก Pokemon GO! และ แอป Google Cardboard ด้วย ส่วนใหญ่โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนในราคาไม่เกินหมื่นจะไม่ใส่เซ็นเซอร์ Gyroscope นี้
หากไม่มี Gyroscope จะเกิดอะไรขึ้น ?
- เปิด AR แล้ว ไม่เจอโปเกมอนบนโลกจริง จะเจอโปเกมอนได้ต้องปิด AR เท่านั้น
- ขณะเราหมุนตัว แผนที่ GPS ของ Pokemon GO ไม่สามารถหมุนตามได้
- แอป Google Cardboard ไม่สามารถดาวน์โหลดได้ เพราะไม่รองรับ Gyroscope นั่นเอง
ดังนั้นก่อนซื้อสมาร์ทโฟน นอกจากจะดูเรื่องสเปค และทดลองใช้งานจริงแล้ว ยังต้องลงแอปเพื่อทดสอบเซ็นเซอร์ Android ดูว่ามีเซ็นเซอร์อะไรบ้าง ตอบโจทย์ผู้ใช้หรือไม่ โดยเฉพาะคอเกมมือถือ และนักวิ่งสุขภาพ การตรวจเซ็นเซอร์การทำงานของสมาร์ทโฟนนี่สำคัญมากนะ
12. ระบบความปลอดภัยบนโทรศัพท์มือถือ
อีกปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือระบบรักษาความปลอดภัย สมาร์ทโฟนที่ใช้เดี๋ยวนี้มีสแกนลายนิ้วมือแล้ว แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะ บางรุ่นสามารถแยกโฟลเดอร์สำหรับไฟล์งานสำคัญ หรือเอกสารลับได้ด้วย Secure Folder เป็นการซ่อนเอกสารลับบนสมาร์ทโฟนไม่ให้คนอื่นเห็นได้ ซึ่งบางแบรนด์อย่าง Samsung ใช้ KNOX ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ หรืออีกแบรนด์อย่าง Blackphone ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น เข้ารหัสข้อมูล, แบ่งโซนการใช้งาน (จำกัดการเข้าถึงข้อมูลแต่ละระดับ), ระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูล / มัลแวร์ ฯลฯ แบบเรียลไทม์ เป็นต้น เรียกได้ว่านอกเหนือจากสเปคมือถือ ความสามารถของเซ็นเซอร์แล้ว ระบบความปลอดภัยปกป้องข้อมูลสำคัญภายในมือถือสำคัญเช่นกัน
ดังนั้นจากข้อมูลในเรื่องสเปคการเลือกโทรศัพท์มือถือนี้ ก่อนที่จะเลือกซื้อนั้น สิ่งที่เพิ่มมาในการพิจารณานอกจากข้อมูลสเปคมือถือ ในปี 2017 นั่นคือ เซ็นเซอร์มือถือ และ ระบบรักษาความปลอดภัยบนมือถือ