Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่บันทึกบัญชีและการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้ข้อมูลธุรกรรมดิจิทัล สามารถแชร์ไปยังทุกคนได้ และกลุ่มของข้อมูลนี้สามารถส่งต่อๆกันไปยังทุกคนได้ เสมือนเป็นห่วงโซ่ (Chain) โดยจะทราบว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล
Blockchain อาจจะมาทำลายล้างรูปแบบการให้บริการทางการเงินรูปแบบเดิมๆในอีกไม่นานนี้ ซึ่งมันจะเป็น “การทำลายอย่างสร้างสรรค์” เพราะว่า Blockchain กำลังจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมลดลงอย่างมหาศาล โดยนักวิเคราะห์จาก Santander InnoVentures ได้ประมาณการณ์ว่า Blockchain จะทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนของธนาคารทั่วโลกได้ถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขณะนี้ได้มีธนาคารระดับ big name หลายแห่งทั่วโลก ได้ประกาศแล้วว่า พวกเขาได้เริ่มดำเนินการวางแผนและทดลองในการทำ Blockchain มาใช้แล้ว อีกทั้งนักลงทุนได้มีการทุ่มเม็ดเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในธุรกิจ startups ที่ใช้ Blockchain เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ (ดู reference [1])
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Microsoft, IBM และ Google ต่างก็มีโครงการใหญ่ๆ ที่เกี่ยวกับ Blockchain ทั้งสิ้น ซึ่งในหลายโครงการมุ่งเน้นไปที่การทำระบบความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์และความเป็นส่วนตัว (privacy)
Accenture ได้สำรวจความเห็นผู้บริหารระดับสูงในอเมริกาและยุโรปพบว่า 90% ของผู้บริหารเหล่านั้นเห็นว่า ธนาคารกำลังจะนำเอา Blockchain มาใช้ในการให้บริการทางการเงิน ด้วยการ disrupt กระบวนการดั้งเดิมของตัวเองไปสู่การทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ (ดู reference [2])
ธนาคารชั้นนำในประเทศอิสราเอลและอินเดียได้ประกาศความร่วมมือภายใต้ “Blockchain-centric partnerships” กับ Silicon Valley ซึ่งมีเป้าหมายที่จะประยุกต์ Blockchain เพื่อสร้างนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ และจากรายงานของ World Economic Forum ในหัวข้อ “Deep Shift Technology Tipping Points and Societal Impact” สรุปผลการวิจัยว่า Blockchain จะทะยานขึ้นอย่างชัดเจนและจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งในช่วงปี 2025 ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นจุด “Tipping point” ของเทคโนโลยี Blockchain (ดู reference [3])
ด้วยการปฏิวัติรูปแบบการทำธุรกรรมดังกล่าวจะทำให้ ธนาคารที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะสามารถคงอยู่ต่อไปด้วยบทบาทใหม่ ส่วนธนาคารที่ยังมั่นใจในความยิ่งใหญ่ในรูปแบบเดิมๆ ก็คงจะลาจากไปในที่สุด
ชัดเจนแล้วว่า ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industry4.0) ที่อินเทอร์เน็ตมิใช่เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร (Internet of information) แต่มันกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างทรัพย์สินรูปแบบใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาล (Internet of value)
Reference:
[1] www.weforum.org
[2] www.forbes.com
[3] WEF GAC15 Technological Tipping Points report 2015
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ประวัติ: www.xn--42cf0a8cxa3ai5ple.com
4 ตุลาคม 2560
www.เศรษฐพงค์.com