5G ตัวเปลี่ยนเกมอุตสาหกรรมโลก
บทความโดย : พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
การให้บริการ Mobile broadband กำลังก้าวไปสู่ระบบ 5G โดยมีแผนที่จะ roll out ครั้งแรกไม่เกินปี 2018 ซึ่งถือได้ว่าเร็วกว่าทึ่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 2 ปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในความพยายามที่จะผลักดันให้การบริการ Mobile broadband สามารถให้บริการในทุก digital platform
ความต้องการเพิ่มความเร็วเครือข่ายในระดับ Gbps และการมีแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย ส่งผลทำให้ 5G มีผลกระทบต่อบทบาทและขอบเขตของการให้บริการโทรคมนาคมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาในการให้บริการทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การเงินการธนาคาร, ประกันภัย, ค้าปลีก, m-commerce, และบันเทิง
เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักของการเข้าถึงการเชื่อมต่อระหว่างคนด้วยกันเอง และระหว่างคนกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักร และจะส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงระบบเมืองอัจฉริยะด้วย Internet of Things (IoT), รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง, หุ่นยนต์, Virtual Reality (VR), Big Data เป็นต้น ซึ่งจุดเด่นของ 5G ที่สำคัญได้แก่
(1) เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G จะกลายเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงเครือข่าย สำหรับเชื่อมต่อระหว่างคนด้วยกันเอง และระหว่างคนกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักร โดยเครือข่ายเหล่านี้จำเป็นจะต้องพัฒนาปรับปรุงเครือข่าย ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย
(2) 5G จะผลักดันให้วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตมุ่งเน้นไปที่พื้นฐานสำคัญ 2 ประการ นั่นคือความจุเครือข่าย และความสามารถในการเชื่อมต่อ เพื่อลดปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นคอขวดจากการเพิ่มขึ้นของ realtime videos
(3) ความสามารถในการรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันในเมืองอัจฉริยะทำได้แบบ real-time ส่งผลให้สภาพแวดล้อมภายในเมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การควบคุมจราจร จะพัฒนาไปได้มาก เมื่อสามารถวิเคราะห์สภาพถนนได้แบบ realtime โดยการใช้กล้อง IP ที่ชาญฉลาด
(4) การสำรวจของอีริคสันพบว่าร้อยละ 95 ของผู้นำด้านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เชื่อว่า 5G จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT ซึ่งผลสำรวจยังกล่าวถึงการนำ 5G มาใช้ โดยร้อยละ 64 ใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งผ่านข้อมูลไปยังอุปกรณ์ โดยใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนการเชื่อมต่อ WiFi, ร้อยละ 38 ใช้ดำเนินการด้านสุขภาพ เช่น บริษัทเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ สามารถใช้อุปกรณ์ IoT ในการเชื่อมต่อ 5G เพื่อตรวจสอบผู้ป่วยที่กำลังฟื้นตัวจากการรักษา, ร้อยละ 36 ใช้ในการควบคุมระยะไกลแบบ Real-time เช่น บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ใช้การเชื่อมต่อ 5G เพื่อสำรวจและตรวจสอบความพร้อมและความผิดปกติของอุปกรณ์
โนเกียเชื่อว่าเครือข่าย 5G จะทำให้ผู้ใช้งานระบบเสมือนจริง สามารถทำงานร่วมมือกันได้ราวกับว่าอยู่ใกล้กัน ซึ่งอาจเป็นเหมือนวิดีโอเกมยุคใหม่ และการทำงานร่วมกันจากระยะไกล โดย 5G จะทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
Facebook ประกาศว่าโครงการ Telecom Infra Project เป็นความคิดริเริ่มในการออกแบบเพื่อปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานข้อมูลที่มีเพิ่มขึ้นของโลก เครือข่ายทางสังคมได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จำหน่ายอุปกรณ์ เช่น Nokia, Intel และ Deutsche Telekom เพื่อให้สามารถดำเนินการรับมือกับการใช้งานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นระบบ VR และการดูวิดีโอออนไลน์ เป็นต้น
หนึ่งในจุดเด่นของ 5G คือความสามารถในการลดความหน่วงเวลาได้อย่างมาก (Ultra-low latency) เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถพัฒนาความปลอดภัยและลดความแออัดของยานพาหนะได้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ความหน่วงเวลาที่ต่ำของ 5G จะช่วยให้หุ่นยนต์เครือข่ายสามารถดำเนินงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้ นอกจากนี้เทคโนโลยีเครือข่าย 5G ยังเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จสำหรับเทคโนโลยียุคใหม่ของหุ่นยนต์ ที่มีการควบคุมแบบไร้สายมากกว่าการสื่อสารแบบมีสาย และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง และการจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ ด้วยความสามารถเหล่านี้ ทำให้หุ่นยนต์สามารถถูกควบคุมการเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ และ real-time มากที่สุด และสามารถเชื่อมได้กับทั้งคน เครื่องจักร อุปกรณ์ ทั้งในประเทศ และทั่วโลก
ความท้าทายที่สำคัญของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ในอนาคต ได้แก่ มาตรฐานการให้บริการ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งความท้าทายของเทคโนโลยีเครือข่าย 5G จะต้องมุ่งเน้นการเชื่อมต่อของสังคมดิจิทัล (Digital Society) ในอนาคตที่เกิดขึ้นโดยมีปัจจัยสำคัญประกอบด้วย
– ระบบเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เครือข่ายเคลื่อนที่และอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้จากเดิมในอดีตที่ผู้ให้บริการต้องเจอกับข้อจำกัดต่างๆมากมาย
– สามารถเชื่อมต่อฐานความรู้ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของอินเทอร์เน็ต การให้บริการคลาวด์ และการวิเคราะห์ Big Data
– การขับเคลื่อนนวัตกรรม 5G โดยการเปลี่ยนผ่านและหลอมรวมทางเทคโนโลยี (Technology convergence) และโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT จะผลักดันให้เกิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการในทุกอุตสาหกรรม
ในอนาคตข้างหน้า 5G จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และความบันเทิง ซึ่งถือว่าเทคโนโลยี 5G จะเป็นหนึ่งในผู้เปลี่ยนเกมการให้บริการและ Business model ในอุตสาหกรรมทุกอุตสาหกรรมและทุก digital platform และแน่นอนความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็จะทวีคูณขึ้นเป็นเงาตามตัวของความเร็วในระดับ 5G เช่นกัน ซึ่งประเทศไทยควรเตรียมพร้อมและตื่นขึ้นมารับมือได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
Reference
[1] http://www.forbes.com/sites/forbesinsights/2016/11/04/the-future-of-mobile-5g-networks-and-their-revolutionary-impact-on-business/#289e023429e1
[2] http://www.forbes.com/sites/jasonbloomberg/2016/07/04/5g-enterprise-disruption-on-the-horizon/#5063065575f3
[3] https://www.mobileworldlive.com/featured-content/top-three/5g-to-trigger-disruption-claim-industry-leaders/
—————-
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
www.เศรษฐพงค์.com
16 มกราคม 2560 12:00
—————–
หากท่านสนใจความรู้ด้านดิจิทัล
เข้าร่วมกับเราและทักเข้ามาที่
LINE id : @march4g