ในหลวงในดวงใจ… “ทรงสื่อสาร”
บทความโดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ (ประธานกิจการโทรคมนาคม และ รองประธาน กสทช.)
ขณะที่ผมพยายามเรียบเรียงสรุปย่อเรื่องราวพระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในด้านการสื่อสาร โดยอ้างอิงจากผลงานวิจัยของ กสทช. ที่เคยจัดทำขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วในชื่อเรื่อง “ทรงสื่อสาร” ผมก็ได้พบข้อมูลที่เคยได้อ่านมาแล้ว แต่ก็ไม่กินใจเท่าครั้งนี้ที่ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง นั่นคือพระราชนิพนธ์เรื่องแรกของพระองค์ที่มีชื่อว่า “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามสู่สวิตเซอร์แลนด์” เป็นพระราชนิพนธ์ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร “วงวรรณคดี” ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 พระราชนิพนธ์นี้เป็นบันทึกเรื่องราวที่พระองค์ทรงประสบในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับไปศึกษาต่อเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2489 ความว่า
“วันที่ 19 สิงหาคม 2489 วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้นแล้ว ก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์
พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก
ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่งกลัวเหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด
ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆว่า “อย่าละทิ้งประชาชน”
อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้ง อย่างไรได้” แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว…”
ในความเห็นส่วนตัวของผมถือว่าพระราชนิพนธ์นี้พระองค์ “ทรงสื่อสาร” กับประชาชนได้อย่างลึกซึ้งที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ก่อนที่พระองค์จะมาทรงสื่อสารกับประชาชนของพระองค์ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 อาจถือได้ว่าเป็นเวลาที่พระองค์ทรงเริ่มจริงจังกับวิทยุสื่อสาร โดยอ้างอิงได้จาก พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองการสื่อสาร กรมตำรวจ ในขณะนั้น ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องวิทยุสื่อสาร พร้อมประมวลสัญญาณเรียกขาน และถวายสัญญาณเรียกขาน “กส.9” สําหรับทรงติดต่อกับศูนย์ควบคุมข่าย “ปทุมวัน” และ “น.9” สําหรับทรงติดต่อกับข่าย “ผ่านฟ้า” ของกองบัญชาการตํารวจนครบาล พร้อมกันนั้นยังได้ถวายเครื่องมือตรวจวัด และสายอากาศแบบต่างๆ อีกหลายรายการ ไว้ให้ทรงใช้งานเพื่อสามารถทรงรับฟัง และติดต่อสื่อสารกับหน่วยตํารวจต่างๆ ทั้งในส่วนกลาง และในส่วนภูมิภาคได้
อย่างไรก็ตามจากการถ่ายทอดและได้รับการบันทึกไว้ของ พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ได้ทำให้ผมเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงเป็นนักวิจัยโดยแท้ เพราะเมื่อพระองค์ทรงใช้งานเครื่องมือสื่อสารก็ได้ทรงพบปัญหาการรบกวนของสัญญาณ และทรงหาวิธีการด้วยการอ่านและสอบถามผู้รู้อยู่เสมอ ตัวอย่างเล็กๆที่ถูกบันทึกไว้เช่นการรบกวนกันของวิทยุสื่อสารระหว่างกรมราชองครักษ์ และตำรวจสื่อสารเมื่อปฏิบัติงานในบริเวณใกล้เคียงกัน พระองค์ได้พระราชทานการบ้านให้ พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ไปหาสาเหตุ หลังจากได้ทำการบ้านเสร็จ พลตำรวจตรี สุชาติฯ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายบทความวิชาการประมาณ 6 หน้า เรื่อง Inter modulation หรือการผสมคลื่นระหว่างวิทยุ 2 สถานีที่ส่งสัญญาณพร้อมกันอยู่บริเวณใกล้เคียงกันในระยะไม่เกิน 100 เมตร ทำให้เกิดความถี่ใหม่ที่ถูกผลิตออกมาจากการผสมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หลังจากนั้นพระองค์ได้นำเอกสารวิชาการดังกล่าวมาใช้เพื่อการทดลองพิสูจน์ว่าจริงตามที่เอกสารสรุปไว้หรือไม่ โดยพระองค์ได้ทรงทำการทดลองส่งวิทยุสื่อสารที่ความถี่ต่างๆ พร้อมกัน โดยทรงเริ่มตั้งแต่ค่าความกว้างความถี่ขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 12.5 kHz แล้วเพิ่มขึ้นทีละเท่าตัวเป็น 25 kHz และ 50 kHz แล้วทรงบันทึกผลระดับการรบกวนกัน แล้วทรงพระราชทานผลการทดลองให้แก่ พลตำรวจตรี สุชาติฯ โดยพระองค์ ทรงพระราชทานผลการวิจัยของพระองค์นอกเหนือจากที่เอกสารวิชาการฉบับดังกล่าวซึ่งบอกไว้เพียงว่าจะเกิดการรบกวนเมื่อสถานีวิทยุ 2 สถานี ส่งสัญญาณพร้อมกันในบริเวณไม่เกิน 100 เมตร แต่พระองค์ทรงค้นพบว่า แม้อยู่ห่างกันเกิน 100 เมตร ก็ยังสามารถเกิดการรบกวนกันได้อยู่ นั่นหมายความว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไรนั่นเอง จึงทำให้พระองค์ยังคงทำวิจัย ค้นคว้า ทดลอง ตลอดมา
ในช่วงเวลานี้ประชาชนคนไทยอย่างเราคงได้เห็นและชื่นชมพระราชกรณียกิจอย่างเช่น สำนักข่าว BBC ได้ถ่ายทำสารคดี Soul of a Nation – The Royal Family of Thailand (ศูนย์รวมใจของชาติ – พระราชวงศ์ไทย) ไว้ในปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2522 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการตามเสด็จถ่ายทำพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ห้องทรงงานในพระราชวังจิตรลดารโหฐาน โดยได้เคยออกอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2523 ทำให้ประชาชนตัวเล็กๆอย่างพวกเราได้มีบุญตาเห็นบรรยากาศภายในห้องทรงงานของในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งทำให้เราได้ตระหนักว่าพระองค์ทรงจริงจังกับการใช้งานวิทยุสื่อสารเพื่อไว้ใช้ดูแลประชาชนของพระองค์ โดยในภาพเราจะเห็นชุดเครื่องมือสื่อสารจำนวนมาก ที่พระองค์ทรงใช้เพื่อรับฟังข่าวสารภัยพิบัติ และปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลาจากทุกเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นของทหาร ตำรวจ กรมไปรษณีย์โทรเลข (ศูนย์สายลม ซึ่งก็คือ กสทช. ในปัจจุบัน) รวมไปถึงภาคประชาชน และห้องทรงงานเล็กๆนี้นั่นเองที่ผู้เขียนถือได้ว่าเป็น “ห้องวิจัยของพระราชา” โดยแท้
กรมไปรษณีย์โทรเลข (สำนักงาน กสทช. ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารคลื่นความถี่วิทยุแห่งชาติได้ก่อตั้งชมรมวิทยุอาสาสมัคร (VR – Voluntary Radio) ขึ้น กรมไปรษณีย์โทรเลข จึงได้ทูลเกล้าฯถวายสัญญาณเรียกขาน “VR009” แด่ในหลวงรัชการที่ 9 ในวันที่ 5 ธันวาคม 2524
พระองค์ได้พระราชทานคำแนะนำทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ในการทดสอบสัญญาณครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 กับศูนย์สายลมกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งในขณะนั้น นายมนัส ทรงแสง (VR019) ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการสื่อสาร กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้เล่าให้ฟังว่า พระองค์ทรงตรัสเรียกสายลม VR009 ขอเช็คเน็ท และเจ้าหน้าที่ศูนย์สายลมได้กราบบังคมทูลว่า Report สัญญาณของท่าน VR009 59+60 dB 73…นั่นคือวันแห่งความทรงจำของศูนย์สายลม กรมไปรษณีย์โทรเลข และหลังจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ได้ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความปลื้มปีติ พระองค์ได้ทรงทดสอบสัญญาณกับศูนย์สายลมอีกหลายครั้ง และเกือบทุกครั้งพระองค์ก็ได้พระราชทานคำแนะนำทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร การปรับแต่งเครื่องรับ-ส่งวิทยุที่มีความสลับซับซ้อน ตลอดจนพระราชทานคำแนะนำทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับสายอากาศและการแพร่กระจายคลื่น และลักษณะการถูกรบกวนของคลื่นวิทยุในข่ายต่างๆ และวิธีการที่จะแก้ไขการรบกวนนั้นด้วย
ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมที่ได้ส่งผ่านจากรุ่นต่อรุ่นจนมาถึงยุคของ กสทช. ซึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “สัญญาณจากฟ้าVR009” เป็นการจำลองจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่จังหวัดราชบุรีเมื่อปี พ.ศ.2539 โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสื่อสารกับประชาชนของพระองค์โดยตรงและทรงติดตามเหตุการณ์ พระราชทานคำแนะนำในการแก้ปัญหาสัญญาณวิทยุขาดหายให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร อาสากู้ภัย ด้วยพระองค์เอง โดยผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนพระองค์
นับเป็นบุญของคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงให้ความรักและเสียสละให้แก่ประชาชนของพระองค์อย่างที่สุดที่ไม่สามารถหาคำพูดใดมาอธิบายได้
รับชม “สัญญาณจากฟ้าVR009” จาก Link นี้
———————
ข้าพระพุทธเจ้า พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้
28 ตุลาคม 2559 20:30