พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมากหลายซึ่งเป็นคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อชาวไทยและชาวโลก ยกย่องเป็นพระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย จากนวัตกรรมของโครงการ แกล้งดิน หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ ที่ได้แสดงถึงนวัตกรรมในการแก้ปัญหาดินเปรี้ยวที่เกิดขึ้นในประเทศ ในช่วงนั้นยังไม่มีที่ใดในโลกที่แก้ปัญหานี้ได้ และไม่มีในตำราเผยแพร่ด้วย
24 สิงหาคม พ.ศ.2524 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎร จังหวัดนราธิวาส พบว่า ที่ดินเกษตรส่วนใหญ่ของภาคใต้ เป็นดินพรุชุ่มน้ำ และดินเปรี้ยวจัด เนื่องจากมีกรดกำมะถัน ทำการปลูกพืชไม่ได้เลย ทรงมีพระราชดำรัสกับ หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ องคมนตรี นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร.นายชิต นิลพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายเล็ก จินดาสงวน ผู้ช่วยอธิบดีกรมชลประทาน นายอำเภอท้องที่ และข้าราชการที่ เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาส
พระองค์ทรงคิดวิธีแก้ไขดินเปรี้ยวด้วยวิธีการ แกล้งดิน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโครงการ ” แกล้งดิน ” เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของดิน โดยทำดินให้เปียกและแห้งสลับกันไปมา แบบดินเจอหน้าฝนและหน้าแล้งบ่อยขึ้นใน 1 ปี แทนที่จะเจอแค่ครั้งเดียวในธรรมชาติ กลับเจอถึง 4 ครั้ง เพื่อคลายความเปรี้ยวออกไปจากดินถึงขีดสุด จากนั้นเทปูนขาว ผสมกับหน้าดินประมาณ 1-4 ตันต่อไร่เพื่อลดความเปรี้ยว และการใช้น้ำชะล้างจนถึงการเลือกใช้พืชที่จะเพาะปลูก ทำให้จากที่ดินที่ไม่สามารถปลูกพืชอะไรได้เลย สามารถคืนสภาพกลับมาเป็นดินดีๆปลูกพืชได้อีกครั้ง และปลูกพืชอะไรก็ได้
เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินงาน และได้มีพระราชดำรัสแสดงถึงความเป็นนวัตกรรมของ
“โครงการแกล้งดิน” ที่ไม่มีใครทำมาก่อน ดังนี้
“… โครงการปรับปรุงดินเปรี้ยวควรดำเนินการต่อไปในแง่ของการศึกษาทดลองและการขยายผลการทดลองต้องดูอย่างนี้ ทิ้งดินเอาไว้ปีหนึ่งแล้วจะกลับเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะว่าความเปรี้ยวมันเป็นชั้นดิน ดินที่เป็นซัลเฟอร์ (sulfer) แล้วก็ถ้าเราเปิดให้มีน้ำ อากาศลงไป ให้เป็นซัลเฟอร์ออกไซด์ ซึ่งซัลเฟอร์ออกไซด์เอาน้ำเข้าไปอีกที ไปละลายซัลเฟอร์ออกไซด์ก็กลายเป็นใส่ออกไซด์ลงไป ก็เป็นกรดซัลฟุริก (sulfuric) แต่ถ้าสมมุติว่าเราใส่อยู่ตลอดเวลา ชั้นดินที่เป็นซัลเฟอร์นั้นถูกกันไว้ไม่ให้โดนออกซิเจนแล้วตอนนี้ไม่เพิ่ม….ไม่เพิ่ม acid โดยหลักการเป็นอย่างนั้น แต่หากว่าต่อไปในแปลงต่างๆ เพิ่มการทดลองอีก เมื่อได้แล้วทิ้งไว้มันจะกลับไปสู่สภาพเดิมหรือไม่ แล้วเมื่อความเป็นกรดเพิ่มขึ้นใหม่ จะพัฒนาให้กลับคืนมาสู่สภาพนี้ได้ ต้องใช้เวลา อาจจะใช้เวลาสักปี ดูสภาพว่าปีไหนไม่ได้ใช้ ดินมันจะเสื่อมลงไปเท่าไรแล้วจะกลับคืนมาเร็วเท่าไร…”
“….งานทดลองนี้เหมือนเป็นตำรา ควรทำเป็นตำราที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่นๆ ในพื้นที่อื่นอาจจะไม่ต้องมีการแบ่งเป็นแปลงย่อยเช่นนี้ คันดินที่สร้างเพื่อกั้นน้ำก็อาจจะใช้คลอง ชลประทานสร้างถนน สะพาน การศึกษาจึงต้องทำแบบนี้…”
พระอทรงพระราชทานพระราชดำริให้ทำเป็นตำราคือ “คู่มือปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อการเกษตร” สำหรับที่จะใช้พัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่นๆ ต่อไป
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการดำเนินโครงการแกล้งดิน นี้ ได้ทรงสร้างนวัตกรรมใหม่ในการแก้ปัญหาประชาชน ทั้งใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว และทรงคิดวิเคราะห์ด้วยพระองค์เอง ซึ่งวิธีการนั้นยังไม่มีตำราไหนเผยแพร่มาก่อน จนยกย่องเป็น พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย และกำหนดวันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันนวัตกรรมแห่งชาติ
ข้อมูลจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) , มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี , Youtube Pattra Thamjai