เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2016 เอิ้นได้มีโอกาสไปร่วมงาน Huawei’s Growth Path ซึ่ง Huawei บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจโทรคมนาคมและไอซีที จากประเทศจีนได้จัดขึ้นค่ะ ในงานนี้นอกจากได้ทราบถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จของหัวเว่ย และทิศทางต่อจากนี้แล้ว ทางหัวเว่ย ยังได้เปิดตัวแคมเปญแบรนด์ดิ้งระดับโลก ในชื่อว่า “BREAKTHROUGH” โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเปิดตัวครั้งนี้ด้วย
ซึ่งทั้ง 3 ท่านนี้นอกจากจะมาบอกเล่าถึงเรื่องราว ความเป็นมาและก้าวต่อไปของหัวเว่ยแล้ว ยังได้มาร่วมเปิดแคมเปญแบรนด์ดิ้ง “BREAKTHROUGH” ด้วยค่ะ
“BREAKTHROUGH” ประกอบไปด้วย 3 ภาพ ซึ่งบอกเล่าถึงความหมายและเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง ภาพทั้งสามบอกกล่าวถึงช่วงเวลาสำคัญของความ “มุ่งมั่น มานะบากบั่น และฝ่าฟัน” จนนำไปสู่ผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในที่สุด ซึ่งบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ความเป็นบริษัทหัวเว่ย ที่เบื้องหลังของความสำเร็จไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หากแต่เกิดจากความ “มุ่งมั่น มานะบากบั่น และฝ่าฟัน” นั่นเอง ซึ่งโดนใจมากๆค่ะ
3 ภาพนี้ บอกเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญของความ มุ่งมั่น มานะบากบั่น และฝ่าฟัน สู่ความสำเร็จ
โดยภาพแรกด้านซ้ายมือบอกช่วงเวลาที่ชายหาปลาชาวคองโกโถมตัวลงในสายน้ำที่เชี่ยวกรากของแม่น้ำลัวลาบา เพื่อดักจับปลาด้วยกระชังอันใหญ่โตอย่างมุ่งมั่น โดยเลือกตำแหน่งที่ดีที่จะจับปลา และจดจ่อกับกระชังปลาท่ามกลางมวลน้ำที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จนเค้าสามารถคว้าเหยื่อของเขาไว้ได้สำเร็จ และยืนทรงตัวอย่างมั่นคง เพื่อไม่ให้กระแสน้ำอันไหลเชี่ยวพัดเขาจมหายไป
ภาพที่ 2 คือเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเหล่าวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันเซิร์นใช้เวลานานกว่า 10 ปี และใช้เงินลงทุน 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการสร้างเครื่องนี้ที่มีความซับซ้อนที่สามารถตรวจสอบอนุภาค ฮิกส์โบซอน ซึ่งเป็นอนุภาคมูลฐานภายในอะตอมและมีความสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์ไขปริศนาเรื่องจักรวาลได้ อนุภาคดังกล่าวนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า อนุภาคพระเจ้า โดยได้สำรวจตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 จนในที่สุดปี 2555 ก็ได้ค้นพบอนุภาคฮิกส์โบซอน นับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟิสิกส์สมัยใหม่
ภาพที่ 3 เป็นภาพของฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ จอยเนอร์ นักกรีฑาเหรียญทอง เจ้าของสถิติโลกประเภทวิ่ง 100 เมตรหญิง ที่กำลังเข้าเส้นชัย พร้อมชูแขนทั้งสองข้างขึ้นด้วยความดีใจกับชัยชนะที่ได้รับ แม้ภาพดังกล่าวจะบอกช่วงเวลาแห่งชัยชนะของเธอ แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้น ต้องทุ่มแรงกายแรงใจต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี
หัวเว่ยประเทศไทย ก่อตั้งมานาน 18 ปี มีศูนย์อบรมในไทย 1 แห่ง สำหรับฝึกอบรมบุคคลากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีศูนย์บริการลูกค้ากลุ่ม consumer อีก 60 แห่ง และภายในปีนี้ จะเปิดศูนย์นวัตกรรม CSIC ประจำภูมิภาค SEA เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดให้กับลูกค้า และถ่ายทอดเทคโนโลยีไอซีทีตอบแทนสู่สังคม”
ได้ฟังเรื่องราวในงานนี้แล้ว ทำให้ได้คำตอบทันทีเลยว่า จากที่เอิ้นเคยได้เห็น ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของ หัวเว่ยในยุโรปและประเทศอื่นๆ ก็ไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไม บริษัทหัวเว่ย จึงได้ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ระดับโลกในวงการโทรคมนาคมปัจจุบันค่ะ