ตลอดช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา จนถึงปี 2559 หลายธนาคารก็หาจังหวะที่จะปรับปรุงระบบธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความทันสมัย รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งในช่วงกลางปี 2559 นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกี่ยวกับบัตร ATM และบัตร DEBIT เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ ทุกธนาคาร ต้องออกบัตร ATM และบัตร DEBIT แบบใหม่ ให้เป็นชนิด “ ชิปการ์ด ” (CHIPCARD) ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ซึ่งธนาคารออมสินก็ได้ประกาศปิดระบบ ATM ในวันที่ 5 ก.พ. เพื่อปรับปรุงให้รองรับกับบัตรชิปการ์ดด้วย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ” เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินด้านอิเล็กทรอนิกส์ “ ชิปการ์ด ” ธนาคารออมสินจึงขอดำเนินการปิดระบบงานที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ในคืนวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 23.00 น. ถึง 12.00 น. ของวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 รวมระยะเวลา 13 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าไม่สามารถใช้บริการ ในบางธุรกรรมของธนาคารออมสินได้ในวันและเวลาดังกล่าว จึงต้องขออภัยลูกค้าทุกท่านในความไม่สะดวกครั้งนี้ ”
สำหรับการปิดระบบครั้งนี้ ช่องทางและบริการทางการเงินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เครื่อง ATM เครื่อง ADM ของธนาคารออมสิน, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของธนาคารออมสิน, การชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของธนาคารออมสิน ทั้งในและต่างประเทศ, การโอนเงินระหว่างธนาคาร (ORFT) ในทุกช่องทางการให้บริการ, การโอนเงินจากต่างประเทศเข้า บัตรออมสินวีซ่า เดบิต ทุกประเภท จะไม่สามารถใช้งานได้
ทั้งนี้เพื่อรองรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะให้สถาบันการเงินทุกรายปรับเปลี่ยนระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้แก่ บัตร ATM และ บัตร DEBIT จากเดิมเป็นบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็ก ซึ่งทำให้มีการโจรกรรมเงินโดยการใช้เทคนิค Skimmer คัดลอกบัตรบ่อยครั้ง
จึงตัดสินใจประกาศเปลี่ยนระบบมาเป็นบัตร “ชิปการ์ด” (CHIPCARD) ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีความปลอดภัยสูง ป้องกันการปลอมแปลงจากภัย Skimmer ได้เป็นอย่างดี
โดยทุกธนาคารจะต้องเปลี่ยนมาให้บริการบัตร ATM และ บัตร DEBIT ในรูปแบบบัตรชิปการ์ดทั้งหมด ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 นี้
ในส่วนของธนาคารออมสินได้จัดซื้อบัตรใหม่ชนิดชิปการ์ดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบบัตร ซึ่งคืบหน้าไปแล้วกว่า ๙๐% ขณะที่ตู้เอทีเอ็ม และตู้รับฝากเงิน จะต้องปรับปรุงเพื่อให้รองรับระบบชิปการ์ด ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 86 ของเครื่อง ซึ่งปัจจุบันธนาคารออมสินมีตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งแล้ว 6,610 เครื่อง ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อรองรับบัตรชนิดชิปการ์ดไปแล้ว 1,700 ครื่อง คิดเป็น 26% ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ส่วนที่เหลือต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559
ข้อมูลจาก : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เว็บไซต์รัฐบาลไทย