วันที่ 26-28 พฤษภาคม 2559 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดงาน Digital Thailand 2016 ขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งมีหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน มาร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “ดิจิทัลไทยแลนด์” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี โดยงานนี้ หัวเหว่ย (Huawei) บริษัทผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก ได้เผยแนวทางผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล และความช่วยเหลือของหัวเหว่ยที่จะร่วมสนับสนุนประเทศไทย ในการพัฒนา Digital Economy พร้อมออกบูธจัดแสดงเทคโนโลยีภายในงานนี้ด้วย
ซึ่งเอิ้นก็ได้ไปร่วมงานมาและได้เก็บเนื้อหามาบอกเล่ากันค่ะ โดยในช่วง Keynote Session นั้น Ms. Chen Li fang ( มิสเฉิน ลี่ฟาง ) รองประธานอาวุโสฝ่ายองค์กร ผู้อำนวยการ คณะกรรมการบริหารบริษัท Huawei สำนักงานใหญ่ในประเทศจีน ได้เดินทางมาร่วมงานพร้อมกล่าวปาฐกถา ณ ห้องสัมนาวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ด้วย
ส่วนหนึ่งของการปาฐกถา Ms. Chen ได้กล่าวว่า Huawei ได้เห็นความตั้งใจของรัฐบาลไทย ที่ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นไอซีทีฮับของภูมิภาค และขับเคลื่อนด้วย Digital Economy ซึ่งประเทศจะใช้ ICT ในการผลักดัน Digital Economy อย่างไรนั้น มาดามเฉินได้ขอพูดถึง 3 ข้อหลักๆด้วยกัน โดยสรุปๆดังนี้
อย่างแรก ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ซึ่งรัฐบาลควรมีนโยบายที่ส่งเสริมให้ภาคส่วนต่างๆเปิดกว้างในการแชร์โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล
อย่างที่สอง องค์กรต่างๆต้องรับเทรนด์ดิจิตอลใหม่ๆ มาปรับใช้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานร่วมกับรัฐบาลในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตัล
คุณเฉินได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่าเมื่อก่อนนี้คนมองว่าการใช้ ICT เป็นเรื่องเสี่ยง หากแต่ในวันนี้การขาดแคลนนวัตกรรมเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นองค์กรต่างๆต้องสร้างนวัตกรรมและรับเทรนด์ดิจิตอลใหม่ๆเข้ามาปรับใช้เพื่อการแข่งขันและเพื่อการเติบโต
อย่างที่สาม สำรวจรูปแบบที่จะทำให้เศรษฐกิจดิจิตัลเติบโต
คุณเฉินได้กล่าวถึงรูปแบบในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่ง ในหลายประเทศได้ตระหนักว่าการพัฒนาเศราษฐกิจดิจิตอลต้องการความร่วมมือและความพยายามจากภาคส่วน ซึ่งในฐานะที่หัวเหว่ยเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในด้าน ICT ก็พร้อมที่จะสนับสนุนประเทศไทยในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น
การเข้ามาช่วยถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติที่ทำให้หัวเหว่ยประสบความสำเร็จจนเป็นผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก พร้อมสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถเป็นศูนย์กลางทางด้านไอซีทีของภูมิภาคได้
โดยคุณเฉินได้กล่าวว่า หัวเหว่ยได้มีโอกาสร่วมวางแผนในด้านไอซีทีระดับชาติกับประเทศต่างๆมากกว่า 10 ประเทศ เช่นสหราชอาณาจักร เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ มาเลเซีย และยังมีอีกหลายประเทศที่เชิญหัวเหว่ยไปร่วมให้คำปรึกษาในการช่วยวางแผนด้านไอซีทีระดับชาติ และให้คำแนะนำ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีที
หัวเหว่ยยังมีวิศวกรสำหรับทำการวิจัยและพัฒนากว่า 80,000 คน และยังลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 10% ของรายได้ต่อปี
จนกรทั่งในปัจจุบัน หัวเหว่ยได้กลายมาเป็นผู้นำด้าน ICT ระดับโลกในหลายๆด้าน อย่างเช่นในด้านเมืองอัจฉริยะ หัวเหว่ยก็เป็นรายแรกที่นำโซลูชั่น Safe City ที่ครบวงจรมาสู่ตลาดและได้นำมาใช้ในเมืองต่างๆกว่า 100 เมืองในมากกว่า 30 ประเทศ
และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้บริหารระดับสูงจากรัฐบาลของหลายประเทศก็ได้ไปเยี่ยมชมหัวเหว่ยกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อเรียนรู้เทรนด์ของเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของเทคโลยีด้านไอซีที
Huawei เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยกว่า 18 ปีแล้ว และสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังตั้งอยู่ในประเทศไทยด้วย หัวเหว่ยจึงมีความเข้าใจประเทศไทยเป็นอย่างดี
และวันนี้หัวเหว่ยสัญญาว่าจะเริ่มต้นสร้างห้องทดลองแบบเปิด (Open Lab) ในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่ง Open Lab นี้ตั้งใจออกแบบมาให้ตอบโจทย์ของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล และยังจัดหาแพลตฟอร์มสำหรับการทดสอบและประเมิณผลให้กับ SME และ Startup ในไทยด้วย
นี่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้นะคะว่า หัวเหว่ย บริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมและไอซีทีระดับโลก มีความพร้อมและความตั้งใจจริงที่จะช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมผลักดันประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นประเทศไทย 4.0 นำไปสู่ความมั่งคง มั่นคง และยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ดิจิทัลประเทศไทยค่ะ
นอกจากนี้ภายในงาน ทาง Huawei ยังได้ออกบูธแสดง Solution ที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่ง solution เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็น solution ของหัวเหว่ย ที่เกิดมาจากการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง
โดยมุมหนึ่งของบูธ ได้แสดงเกี่ยวกัย HYBRID CLOUD SOLUTION ของ Huawei และส่วนที่ 2 จะเป็น The Power Of Submarine Transmission ของ Huawei
ส่วนโซนที่ใหญ่ที่สุด จะเป็นโซนแสดงอุปกรณ์รวมถึงระบบต่างๆของ PUBLIC SAFETY SOLUTION เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ อันเป็นส่วนหนึ่งของ Safe City Solution ที่หัวเหว่ยจัดได้ว่าเป็นผู้นำในตลาดโลกรายหนี่งทีเดียว
บริเวณพื้นที่จัดแสดง ได้นำอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของ Public Safety Solution มาจัดแสดงด้วย เช่นกล้องวงจรปิดต่างๆ โดรนติดกล้องสำหรับถ่ายมุมสูง อุปกรณ์ Terminal Walkie Talkie ยุคใหม่ที่สื่อสารได้แบบไม่ใช่แค่เสียง แต่เห็นภาพได้ด้วย ด้วยเทคโนโลยี eLTE ใช้งานได้แม้ระบบสื่อสารอื่นๆในพื้นที่จะล่มก็ตาม และภาพทีวีจอยักษ์ Unified Command Solution ศูนย์ควบคุม ที่แสดงภาพจากจอ CCTV ดูว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเทคโนโลยีโซลูชั่นนี้ มีบทบาทสำคัญในเรื่องความปลอดภัยภายในเมืองและชุมชน
นอกจากนี้ Huawei ยังได้แสดงอุปกรณ์ Smart Device ทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mate 8 , G7 Plus , GR5 และนาฬิกาอัจฉริยะ Huawei Watch ล่าสุดยังได้เพิ่มมือถือรุ่นใหม่ราคาถูกอย่าง Huawei GR3 สมาร์ทโฟน 4G 2 ซิม ราคาประหยัด บนตัวเครื่องที่สวยหรูไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง GR5
และไฮไลต์อย่างหนึ่งของบูธ Huawei ที่งาน Digital Thailand 2016 ก็คือผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Huawei P9 สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ Huawei จับมือกับ Leica ในการพัฒนาใช้เซนเซอร์ RGB และ Monochrome ร่วมกัน ช่วยให้การถ่ายภาพขาวดำ ถ่ายภาพติดฟิลม์ได้สวยงาม ชัดมีมิติกว่าภาพถ่ายของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆที่ใช้ฟิลเตอร์อย่างเดียว
ซึ่งงาน Digital Thailand 2016 นี้เป็นงานแรกที่จะได้สัมผัสกับ Huawei P9 (เครื่อง Prototype ) และมีการเปิดจองภายในงานในราคาพิเศษ ก่อนที่จะเริ่มจำหน่ายจริงทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2559 นี้ด้วยค่ะ