ช่วงนี้จะเห็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงหลายรุ่น มี สแกนลายนิ้วมือ ( Fingerprint ) เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งในด้านการล็อคเครื่อง ข้อมูลส่วนตัว และไว้ใช้ในการสั่งซื้อของออนไลน์ แบบสะดวกโดยไม่ต้องจำ Password แต่รู้หรือไม่ แม้โทรศัพท์มือถือจะมีสแกนลายนิ้วมือ คล้ายๆกัน แต่คุณสมบัติในการใช้งานต่างกัน
เว็บไซต์ข่าวมือถือ PhoneArena ได้นำตารางเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ มาโชว์ให้เห็นความเหมือนและความแตกต่างเกี่ยวกับรูปแบบ สแกนลายนิ้วมือของสมาร์ทโฟน และฟีเจอร์ต่างๆที่แตกต่างกันไป โดยเทียบมือถือที่รองรับ Fingerprint 5 รุ่น ได้แก่ Galaxy S6 , iPhone 6 , Note 4 , Mate7 และ Meizu MX 4 Pro
จะเห็นว่า แต่ละรุ่นจะมีเซนเซอร์ที่ต่างกัน และรูปแบบการสแกนลายนิ้วมือต่างกัน โดย Note 4 จะเป็นการนำนิ้วมาปาดกับ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วน รุ่นอื่นๆเป็นการนำนิ้วมาแตะค้างกับ Fingerprint
สิ่งที่ต่างกันอีกอย่างคือความสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อชำระสินค้า ปรากฏว่า Note 4 , Galaxy S6 และ iPhone 6 รองรับการสแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้มือถือในการชำระสินค้าบริการได้ ในขณะที่ Mate7 และ Meizu MX 4 Pro ยังไม่รองรับการชำระเงินด้วยวิธีสแกนลายนิ้วมือ
อีกส่วนหนึ่งคือการสแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้งาน Login เข้าสู่เว็บไซต์ รองรับเฉพาะมือถือ Samsung ( Note 4 , Galaxy S6 ) ในขณะที่สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดใช้งานมือถือปกติจากหน้าจอ standby นั้น ทำได้เพียงรุ่นเดียวคือ Mate 7
ส่วนเรื่องการตอบสนองในการสแกนลายนิ้วมือนั้น Mate 7 จาก Huawei ทำงานเร็วที่สุด โดยเฉลี่ย 0.8 วินาที
ส่วนความแม่นยำในการสแกนลายนิ้วมือ จำนวน 50 ครั้ง พบว่า Galaxy S6 ได้คะแนนเต็ม และ รุ่นอื่นๆได้คะแนนสูง 48, 49 เต็ม 50 ก็ถือว่าแม่นยำเช่นกัน ยกเว้น Note 4 ที่ สแกน 50 ครั้ง ผ่านแค่ 40 ครั้ง
ผู้ที่ซื้อสมาร์ทโฟนที่รองรับ การสแกนลายนิ้วมือ นอกเหนือจากรูปแบบการใช้งานมือถือในด้านการโทร การเล่นเน็ต การถ่ายรูป การเล่นเกมหรือชมความบันเทิงต่างๆแล้ว ต้องลองถามตัวเราเองว่า จะใช้เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือในรูปแบบไหนบ้างด้วย
ข้อมูลจาก PhoneArena