เมื่อช่วงงาน Computex Taipei 2015 ที่กรุงไทเปไต้หวัน เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจและกำลังเป็นเทรนด์หลักของโลกเทคโนโลยีในปี 2015 นี้ นั่นคือ IoT : Internet of Things : ที่ทุกสรรพสิ่ง จะเชื่อมโยงกัน ผ่านอินเทอร์เนต Intel ได้จัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับ โซลูชั่นที่ใช้ Internet of Thing พร้อมเผยความสำเร็จในการใช้ IoT มาช่วยจัดการภายในอาคารบ้านเรือน อุตสาหกรรม และด้านขนส่งสาธารณะ มาให้ทุกท่านได้รับชมกัน
เทคโนโลยี IoT ใช้ในอุตสาหกรรม
FUSHENG ผู้ผลิตเครื่องอัดลมและคอมเพรสเซอร์อัดสารทําความเย็นที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันและจีน ได้ ใช้เทคโนโลยี IoT มาใช้ในการติดตามมอนิเตอร์เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ว่าทำงานปกติ มีอาการผิดพลาดมั้ย สามารถวิเคราะห์ความสำเร็จของงาน ช่วยลดเวลาในการซ่อมบำรุง 15 % และลดการเกิดเครื่องจักรหยุดทำงานได้ถึง 25%
IoT ภายในบ้านอัจฉริยะ และ อาคารอัจฉริยะ
จากเรื่อง IoT ช่วยในเรื่องอุตสาหกรรมการผลิต มาดูในส่วนเรื่องที่ใกล้ตัวเราบ้าง อย่าง Smart Home , Smart Building ซึ่งใช้เทคโนโลยี IoT เช่นเดียวกัน
บริษัท ECS (Elitegroup Computer Systems ) บริษัทผู้บุกเบิกด้านการออกแบบผลิตเมนบอร์ด จากไต้หวัน ที่สำนักงานใหญ่ ใช้เทคโนโลยี SEMS (Smart Enegy Managements System ) นั่นคือ IoT ที่มาใช้ทำโครงการ Smart Building ภายในสำนักงานใหญ่
โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท TATUNG ผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า , ECS ผู้ผลิตเมนบอร์ด และเทคโนโลยี Gateway มาใช้ตัว Gateway ของ ECS ซึ่งภายในตัว Gateway นั้นใช้ชิพ Intel Core Processor ภายใน โครงการนี้เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการใช้ IoT ในการทำ Smart Building ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 8% ในปีนี้ และปี 2016 คาดการณ์ว่า จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 20%
ซึ่งผู้บริหารจาก Intel , TATUNG และ ECS ได้พาสื่อมวลชน มาชมอาคารอัจฉริยะ Smart Building ภายใน ECS สาขาสำนักงานใหญ่ ที่ใช้ระบบโซลูชั่นการจัดการแบบ SEMS จากTatung ซึ่งมีเทคโนโลยีจาก Intel อยู่เบื้องหลังภายในตัว Gateway มาจัดการการใช้ไฟฟ้าภายในอาคาร ซึ่งมีหลายระบบดังนี้
นี่คือผังสมาร์ทโฮม ภายในบ้าน จะใช้พวก ปลั๊กแบบ smart plug ,ไฟ smart light เพื่อเก็บข้อมูลการใช้ไฟไปยังมิเตอร์ แล้วส่งข้อมูลไปยัง gateway และส่งไปยัง cloud
เราสามารถใช้แอปพลิเคชั่นดูการใช้ไฟฟ้าและสั่งเปิดปิดไฟ ผ่านทางแอพบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้
จากนั้นก็พามาชม Smart Building ซึ่งหากนึกถึงอาคารสำนักงาน ก็จะนึกถึง office ภายในอาคารที่ต้องใช้ไฟในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก คราวนี้เราสามารถจัดการพลังงานได้ด้วย IoT เช่นระบบติดตามการใช้งานการใช้ไฟฟ้า ควบคุมภายในห้อง การปรับปรุงการจัดการในสถานการณ์ต่างๆ และ การลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ภายในห้องทำงานของ ECS นั้นมีเซนเซอร์ติดตามจุดต่างๆเพื่อวัดอุณหภูมิ ถึง 3 จุด มีสมาร์ทมิเตอร์ ตัว Gateway และ เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะติดต่อไปยัง Gateway โดยภายในตัว Gateway จะมีระบบคำสั่งและประมวลผลผ่านโปรเซสเซอร์ภายใน ในการเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า และปรับอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ ตลอดจนการรับส่งข้อมูลเรื่่องการใช้ไฟฟ้าด้วย
ต่อมาดูในส่วนลานจอดรถอัจฉริยะ Smart parking ก็มีระบบการจอดรถที่ทันสมัย ที่อำนวยความสะดวก ลดมลพิษ และ มีความปลอดภัยขึ้นด้วย โดยการจองผ่านระบบการจอง ซึ่งเมื่อเข้าสู่ลานจอดรถจะมีหน้าจอแสดงจำนวนพื้นที่ว่างให้คนขับเห็น ว่ามีจุดจอดรถจุดไหนว่างอยู่ จอดได้กี่คัน เมื่อจอดรถแล้ว ไฟและเซนเซอร์จะจับตัวรถแล้วขึ้นเป็นสถานะไฟสีแดงด้านบนตัวรถ ให้รู้ว่าจุดนี้ไม่ว่าง โดยมีกล้องวงจรปิดคอยจับภาพตรงบริเวณจุดจอดรถตลอดเวลา แบบเห็นได้ว่าคนขับนี้ใครจอด เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีส่ง SMS แจ้งสถานะไปยังมือถือเจ้าของรถด้วย
ที่จอดรถอัจฉริยะนี้ ช่วยให้ผู้ต้องการนำรถมาจอดลดเวลาการหาที่จอดรถ ซึ่งช่วยลดมลพิษได้ และเพิ่มความปลอดภัยเพราะมีกล้องวงจรปิดจับภาพตลอดเวลา และมีการรายงานผ่านทาง SMS
ปิดท้ายด้วยโซน Green Solution โดย ที่หน้าจอทีวีจอยักษ์ ของ Lobby สำนักงานใหญ่ ECS นั้น เป็นหน้าจอแสดงการใช้พลังงานไฟฟ้า อุณหภูมิ ความชื้นภายในอาคาร และรายงานพลังงานจากแผงโซลาเซลบนอาคาร และแสดงการใช้ไฟฟ้า ในแต่ละชั้นด้วย ซึ่งแสดงได้ทั้งแบบข้อมูลตารางและ กราฟวงกลมให้เห็นด้วย
ทั้งนี้ ค่าแสดงต่างๆที่ปรากฎบนหน้าจอ อัพเดตรายงานแบบ Real time ทั้งนี้ข้อมูลที่แสดงออกมา รายงานผ่านทางเซนเซอร์ภายในห้อง และผ่านการประมวลผลจาก gateway
นี่คือตัวอย่างของ Smart Building ในไต้หวัน ที่เป็นอาคารพลังงานสีเขียว อยู่อย่างสะดวกสบาย และช่วยลดการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าได้มากทีเดียว และเป็นส่วนหนึ่งของ IoT ที่ทำให้คุณภาพชีวิตและธุรกิจของคุณดีขึ้น