เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. จัดงานการประชุมสัมมนาเรื่อง บทบาทอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต่อ Telecommuting “Work Anywhere Anytime เพื่อประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนต่อสังคม องค์กร และพนักงาน” ณ อาคารหอประชุม ชั้น 2 สำนักงาน กสทช. เพื่อทราบบทบาทสำคัญอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และผลักดันออกกฎหมาย Telecomputing หรือกฎหมายการทำงานที่บ้าน อย่างเป็นรูปธรรม และ ประยุกต์ใช้ตามเหมาะสมของรูปแบบการทำงาน
สืบเนื่องจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีพ.ศ. ๒๕๓๘ เผยแพร่ในสื่อโทรทัศน์ทรงแนะนำการแก้ปัญหาจราจรอย่างยั่งยืนด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นทางคือ “ทำอย่างไรที่จะไม่ให้ประชาชนต้องเดินทางไปทำงาน” เป็นพระราชดำรัสที่สั้นแต่เปี่ยมด้วยพระปรีชาในความคิดที่ล้ำสมัย จนถึงปัจจุบันถึงได้เป็นที่ประจักษ์ในความหมายที่พระองค์ฯ ทรงดำรัสไว้เมื่อ ๒๐ ปีที่ผ่านมา
กอปรกับแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนได้ใช้บริการที่หลากหลายผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย เท่าเทียมทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม บนพื้นฐานการแข่งขันที่เป็นธรรม ภายใต้การใช้ทรัพยากรโทรคมนาคมอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งาน และ สำนักงาน กสทช. ได้แต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแห่งชาติ โดยหนึ่งในอำนาจหน้าที่คือ การจัดทำแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศไทย เพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจการค้า การศึกษา การบริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยการสนับสนุน ผลักดันให้ Telecommuting หรือการทำงานที่บ้าน หรือทำงานนอกออฟฟิศ เกิดเป็นรูปธรรมในประเทศ
ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิน ประธานคณะทำงานฯ ได้ร่วมมือกับหลายภาคส่วนร่วมผลักดันให้ Telecommuting เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย อาทิเช่น ศาสตราจารย์ ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิน ประธานมูลนิธิสถาบันวิทยาศาสตร์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ร่วมกับ สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และ สมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึก ให้ พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และพันเอก ดร. เศรษฐพงษ์ มะลิสุวรรณ ประธานกิจการโทรคมนาคม (กทค) เพื่อหารือเสนอให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการทำงานในลักษณะ Telecommuting อย่างแพร่หลาย และ ศาสตราจารย์ ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิน ยังได้ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เร่งผลักดันกฎหมายภาษีจูงใจการทำงานจากบ้าน นำผลประโยชน์ทางภาษีจูงใจทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เป็นต้น
Telecommuting เป็นรูปแบบการทำงานที่พนักงานไม่จำเป็นต้องเดินทางมาทำงานที่ Office ตามปกติ ด้วยการใช้ไอที เป็นเครื่องมือสำคัญ ทำให้เราสามารถทำงานได้จากที่บ้าน ที่พักอาศัย หรือสถานที่อื่นๆ โดยทำงานได้ไม่แตกต่างจากเดิมที่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปที่ทำงาน
จากสภาพการจราจรที่ติดขัด ต้องใช้เวลาบนท้องถนนเป็นเวลานาน ทำให้หลายหน่วยงานให้ความสำคัญกับ Telecommuting มาช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ประหยัดเวลา และที่สำคัญลดความเครียดให้กับพนักงาน ที่ต้องผจญกับสภาพการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนด้วย
คุณปรานต์ สยามมาลา นายกสมาคมอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ กล่าวว่า การทำงานจากที่บ้าน หรือนอกสำนักงานนี้ ช่วยให้ลดการคับคั่งของจราจรและอุบัติเหตุ , ลดงบประมาณการก่อสร้างและบำรุงรักษา , ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและประหยัดค่าเชื้อเพลิง , ลดการติดต่อของโรค และสามารถเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และมีเวลาเพิ่ม 30 – 60 วันต่อปี และสร้างประสิทธิภาพในการทำงานด้วย ทั้งนี้ภัยพิบัติเกิดขึ้นได้ทั่วโลก ดังนั้น Telecommuting หรือ Work Anywhere ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยให้การทำงานของบริษัทสามารถเดินหน้าได้ต่อเนื่อง หลีกหนีปัญหา ไม่สามารถเข้าทำงานที่ office เพื่อทำงานได้
Dr.Luis D. Kristhanin อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำประจำภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิค บริษัท เอออน ฮิววิท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการวัดผลและการติดตามการทำงาน กรณีพนักงานทำงานแบบ Telecommuting ว่า การทำงานด้วย Telecommuting ที่พนักงานทำงานที่บ้านหรือที่อื่นได้นั้นเหมาะสมกับงานหรือไม่ ซึ่งการทำงานนี้ไม่ใช่ว่าสามารถทำงานที่บ้านได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับรูปแบบของงาน ต้องมีนโยบายที่ชัดเจน มีกฎเกณฑ์ในการติตตามพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงาน เจ้านายต้องติดตามพนักงานถึงบ้านในบางครั้ง , ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย อย่าให้ข้อมูลสำคัญบริษัทหลุดตอนทำงานที่บ้าน ต้องอาศัยความเสถียรของระบบอินเทอร์เน็ตในการทำงานด้วย
แต่ในบางงานจำเป็นต้องนัดเจอกันกับเจ้านาย และเพื่อนร่วมงาน แบบต้องใช้ภายใน office เท่านั้น เพื่อสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลบริษัท และประสิทธิภาพของโครงการ ดังนั้นบางโครงการอาจไม่เหมาะสำหรับแผนการทำงานที่บ้าน