เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. เผยว่า จากการที่อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอยางรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนมีความต้องการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น โดยในปัจจุบันพบว่ามีปริมาณเลขหมาย 148 เลขหมายต่อประชากร 100 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ถือเป็นหนึ่งในทรัพยากรโทรคมนาคมที่มีปริมาณจำกัด เมื่อมีความต้องการใช้งานสูงขึ้นก็มีแนวโน้มจะขาดแคลนได้
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้เล็งเห็นความสำคัญในการนำเลขที่สงวนไว้ ซึ่งเป็นเบอร์มือถือเลขสวย ตามมติ กทช. มาจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสะท้อนมูลค่าของทรัพยากรเลขหมายโทรคมนาคมที่ขาดแคลน โดยปัจจุบันมีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ได้สงวนไว้เพื่อเตรียมรองรับการนำไปจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นเลขหมายสวย ตั้งแต่มติ กทช. ในการประชุมครั้งที่ 39/2553 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 รวมทั้งสิ้น 16,320,000 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558) ซึ่งในจำนวนนี้จะมีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นเลขหมายสวย ซึ่งจะพิจารณาเฉพาะรูปแบบเลขหมายที่โดดเด่น มีลักษณะเฉพาะพิเศษที่หายาก และได้รับความนิยมในตลาด มีประมาณ 500,000 เลขหมาย เช่น เลขซ้ำแปดตัวท้าย เลขซ้ำเก้าตัวท้าย เบอร์ตอง เป็นต้น
ซึ่งในการจัดสรรเบอร์มือถือเลขสวยนี้ ต้องเป็นไปตามประกาศกฎเกณฑ์เฉพาะเรื่อง สอดคล้องตามหลักกฎหมาย เปิดโอกาสให้ผู้สนใจ สามารถเข้าร่วมประมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม โปร่งใส และทั่วถึง ไม่ก่อให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด การดำเนินการของ กสทช. เป็นการบริหารจัดการการประมูลเลขสวยในตลาดแรก ระหว่างสำนักงาน กสทช. และผู้เข้าร่วมการประมูลเท่านั้น โดยจะไม่เข้าไปแทรกแซงการดำเนินการซื้อขายเลขหมายภายหลังจากการประมูลแล้ว โดย สำนักงาน กสทช. จะนำรายได้จากการประมูลเบอร์มือถือเลขสวย นี้ หลังหักค่าใช้จ่าย ส่งเงินให้รัฐทั้งหมดเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดิน
พันเอก เศรษฐพงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในสิ้นปีนี้ (ธันวาคม 2558) ทาง กสทช. จะได้รับเงินจากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz จากผู้ประกอบการทั้งสามรายที่ได้รับใบอนุญาตฯ เป็นงวดสุดท้ายอีกจำนวน 10,406.25 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 41,625 ล้านบาท ซึ่งเงินทั้งหมดจะถูกนำส่งเป็นค่าทรัพยากรสาธารณะให้แก่กระทรวงการคลัง และถือเป็นรายได้เข้าประเทศต่อไป ทั้งนี้ในการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ดังกล่าวได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และที่เห็นได้ชัดเจนคือตัวเลขจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G และ 4G บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ที่มีเพิ่มมากขึ้น จนไทยครองตำแหน่งแชมป์ในการเปลี่ยนผ่านจากเครือข่าย 2G ไป 3G ที่รวดเร็วที่สุดในโลก”