นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวผ่านทางสื่อมวลชนว่า พบการนำเข้าอุปกรณ์ดักฟังโทรศัพท์มาขายบนเว็บไซต์นั้น สำนักงาน กสทช. ขอเตือนว่า อุปกรณ์ดักฟังโทรศัพท์ดังกล่าวจะนำเข้ามาได้เฉพาะหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคงและต้องได้รับได้รับอนุญาตจาก กสทช. เท่านั้น
สำหรับเอกชนไม่สามารถ นำอุปกรณ์ดักฟังโทรศัพท์ดังกล่าวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้งาน ยิ่งจะมีความผิดมากขึ้น โดยจะมีความผิดฐานนำเข้าและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ทั้งนี้ สำนักงานฯจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบเว็บไซต์เหล่านั้น รวมถึงบริษัทที่มีชื่ออยู่ตามเว็บไซต์เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับกรณี เจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ทำการจับชาวอิสราเอลจำนวน 9 คน ขณะสาธิตเครื่องค้นหาสัญญาณโทรศัพท์ ติดตั้งระบบตรวจจับสัญญาณและประมวลผลบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็ม 3G และ 4G นั้น สำนักงาน กสทช. ได้ทำการตรวจสอบแล้วและได้มีหนังสือให้กิจการร่วมค้า สพิธต้า พีพีเอสซี ผู้นำเข้าอุปกรณ์เครื่องวิทยุคมนาคมดังกล่าวมาให้ข้อเท็จจริง ในวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม 2558 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กสทช. พร้อมทั้งให้นำเอกสารมาแสดงด้วย
ทั้งนี้ หากการนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าวมีหลักฐานว่าได้รับการอนุญาตให้นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีความผิดฐาน นำเข้า มี และใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ตามมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498