เก็บตกจากงานสัมมนา เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า ครั้งที่ 3 สร้างอนาคตด้วยการเรียนรู้ ก้าวสู่ยุค Cloud Computing เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย ไอที 24 ชั่วโมง ครอบครัวข่าว 3 ร่วมกับ TrueIDC, สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิกส์ ( ETDA ) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( MICT ) และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งในรายการช่วงเช้ามีการนำเสนอในเรื่อง การนำไอทีและเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้พัฒนาชีวิต ธุรกิจ และการศึกษา โดยวิทยากรถึง 4 ท่านด้วยกัน
Cloud กำลังเปลี่ยนโลก
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่นนนท์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี Cloud Computing, นายกสมาคมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ได้กล่าวว่า เรากำลังก้าวสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยยุคที่ 1 เมื่อปี 1784 ยุคเครื่องจักรไอน้ำ , ยุคที่2 เมื่อปี 1870 ยุคระบบไฟฟ้า และยุคที่ 3 เมื่อปี 1969 ยุคของไอที ซึ่งอีกไม่นานเรากำลังก้าวสู่ยุคที่ 4 เรื่องของยุค cyber ยุควิเคราะห์รู้ล่วงหน้าคาดการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และของงาน เช่น taxi ที่เมื่อก่อนต้องเป็นคนอาชีพ taxi เป็นคนขับรถรับส่งผู้โดยสาร แต่ตอนนี้มีบริการใหม่ยกตัวอย่างเช่น uber ที่ใครก็ได้ที่มีรถ มาเป็นผู้ให้บริการรับส่งผู้โดยสาร และ ไม่ต้องจ่ายเงินสดเพราะเมื่อถึงที่ปลายทางลงจากรถแล้ว ระบบจะตัดผ่านบัตรเครดิตเรา บริษัท uber ไม่มีรถสักคัน แต่ทำธุรกิจรถโดยสารได้ หรือบริการ airbnb ที่ไม่มีโรงแรมเป็นของตัวเองเลย แต่สามารถสร้างธุรกิจใหม่ได้ มีที่พัก 4 แสนกว่าแห่งเข้ามารวมกัน
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เพราะ Internet connect เชื่อมต่อกันทุกที่ทุกเวลา คนเดินทางไปที่ไหน อินเทอร์เน็ตเข้าไปทุกที่ อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น ขาดไม่ได้
ในอนาคต ปี 2020 อาจเข้าสู่ยุค 5G ความเร็วสูง 10 Gbps แต่ไม่ใช่ speed ของอินเทอร์เน็ต แต่คือหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมและธุรกิจด้วย
ธุรกิจเหล่านี้ ( uber , airbnb ) เกิดขึ้นจาก 3 เทคโนโลยี คือ
Internet of Thing อุปกรณ์ต่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น smartwatch , รองเท้าต่อเน็ตได้ ติดตามtrackได้ work มากสำหรับเด็ก , ส้อม บอก speed ในการทำอาหาร วิเคราะห์การทานอาหารได้ด้วย ในอนาคตจะมีอุปกรณ์ ประมาณ 5 หมื่นล้านชิ้น ประชากรโลก 6-7พันล้านคน เฉลี่ย 1 คน จะมีอุปกรณ์เหล่านี้ 6-7 ชิ้น ทั้งนี้อุปกรณ์ต่างๆต้อ แต่การที่จะทำงานต่อได้ ก็ต้องนำข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆนี้ไป Sync บน Cloud เมื่อข้อมูลอยู่บน cloud สิ่งที่ตามมาก็คือ Bigdata และ Analytics
Cloud Computing การประมวลผลบนก้อนเมฆ มีความเร็ว ความเสถียร ทุกอุปกรณ์ ทั้งพีซี โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน Cloud กำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมไอทีให้เหมือนอุตสาหกรรมไฟฟ้า ใช้มากจ่ายมาก ใช้น้อยจ่ายน้อย ไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบไอทีทั้งหมด
BIG DATA Analytic การนำข้อมูลที่มีบน Cloud มาเป็นข้อมูลใหม่ที่สามารถวิเคราะห์หรือทำนายล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่นนนท์ กล่าวว่า cloud กำลังเปลี่ยนโลก
- ทำให้คนที่ดูแลไอที นักพัฒนาซอตฟ์แวร์ ทำงานเปลี่ยนจากเดิม
- คนใช้ไอทีเปลี่ยนแปลงการใช้งานจากเดิม
- ผู้ขายระบบไอทีเปลี่ยนแปลงการขาย และสินค้าที่จะขาย เช่นจากขายซอฟต์แวร์ราคาเต็ม มาเป็นแบบจ่ายรายเดือน รายปีแทน
ความเสี่ยงของ cloud
- ความเสี่ยงจากผู้ให้บริการที่ไม่มีความมั่นคง
- ความเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล
- ความผิดพลาดของการใช้งาน ( เช่น บัญชีเราถูกขโมย เพราะเราใช้งานพลาดปล่อยรหัสผ่าน )
- การถูกขโมยข้อมูล
- การถูกล็อกโดยผู้ให้บริการ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้น หากคุณเป็นผู้ให้บริการ cloud จะต้องเสถียร มีความน่าเชื่อถือ ในส่วนสำหรับผู้ใช้ Cloud นั้น เมื่อยุค cloud เข้ามา สิ่งสำคัญคือเราต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีนี้ให้ได้
“อย่ามองว่า cloud คือเทคโนโลยี แต่ cloud กำลังเปลี่ยนสังคม เราต้องปรับตัวเองให้ทัน” รศ.ดร.ธนชาติ นุ่นนนท์ กล่าว
Cloud ช่วยธุรกิจได้อย่างไร
คุณฐนสรณ์ ใจดี ผู้จัดการทั่วไป True IDC กล่าวว่า ถ้าหากดูเทรนด์ 2015 นี้แล้ว ทุกอย่างรันบน cloud หมดเลย
ทำไมต้องใช้ Cloud
- AGILTY ทำอย่างให้เราขยับตัวได้เร็ว
- BACKUP-RESTORE ทำให้เราดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
- ELASTIC อยากจะขยายก็ขยาย อยากจะหยุดก็หยุด
- Fast Development การมี cloud สามารถสร้างธุรกิจเร็วขึ้น Tech Startup สามารถสร้างแอพหรือสร้าง e-commerce ได้ โดยที่ไม่ต้องลงทุน server ทั้งหมด จ่ายเงินแบบรายเดือน เกิดธุรกิจใหม่ได้มากขึ้น
- ANYWHERE ANYTIME สามารถใช้ทรัพยากรทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ที่มีอินเทอร์เน็ต
องค์กรได้ประโยชน์อะไรจากการใช้ cloud
- CFO Savemoney คนดูเงินได้ประหยัดเงินมากขึ้น ใช้เงินน้อย
- CTO Savetime ประหยัดเวลา ทำงานอย่างอื่นได้ดีขึ้น
- END USER Save effort การแก้ไขงานเอกสารไม่ต้องส่งไปมา เพราะทำงานร่วมกันได้ทันที
- Organization สามารถโตได้เร็ว บริษัทอยู่ได้อย่างยั่งยืน
การทำ cloud นี้ไม่ใช่แค่มี server เครื่องนึง แต่การทำ cloud จริงๆคือเป็น end to end service ที่ เวลาเราให้บริการกับคน คนสามารถเข้าถึงบริการและก็สามารถจะตั้งธุรกิจได้เร็ว โดยองค์ประกอบต้องมี device , internet ต้องมีช่องทางซื้อของ ต้องมี cloud service , content , marketing
Cloud ในแวดวงการศึกษา
ผศ.ดร. เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้พูดถึงโครงการ Smart Campus โดยนิยามว่า เป็นอุทยานการเรียนรู้ตลอดชีวิตของสังคม สร้างแรงบันดาลใจในการที่จะเรียนรู้ และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เยาวชน โดยเทคโนโลยีเป็นตัวเสริม เพราะปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยเราก้าวอยู่โลกออนไลน์
มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ปรับตัวโดยใช้อินเทอร์เน็ต การใช้เทคโนโลยีด้วย เช่น เทคโนโลยีการลงทะเบียนผ่านทางบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งอนาคตจะสามารถใช้แทนการถ่ายเอกสารได้
และได้นำเสนอ KKU Digital Technology Roadmap ปี 2015-2020 ให้ดูด้วย อย่างเช่นพยายามใช้หนังสือน้อยลง ให้การเรียนการสอนสมาร์ทขึ้น , สร้างให้นักศึกษามีความรู้ทันดิจิตอล เพื่อการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์และถูกต้อง ,
ทั้งนี้ wifi ภายใน ม.ขอนแก่น ก็ใช้จากหลายเจ้าทั้ง wifi ของ ม.ขอนแก่นเอง , บริการ wifi สาธารณะที่ให้บริการโดย truewifi , 3bbwifi และมีบริการ wifi eduroam ซึ่งหากคุณเป็นบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยที่ร่วมโครงการ eduroam ก็สามารถใช้ user ในมหาวิทยาลัยนี้มาใช้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆทั่วโลกที่เข้าร่วม eduroam ได้.
internet แหล่งข้อมูลแห่งความรู้ อาจารย์ใช้สื่อข้างนอกอย่างอินเทอร์เน็ตมาสอนกับนักเรียน ใช้แหล่งเรียนรู้จาก MOOCs (Massive Open Online Courses ) เป็นแหล่งความรู้ที่ทางมหาวิทยาลัยอื่นชั้นนำเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการเรียนการสอน ส่งตรงจากต่างประเทศ
ใช้เครื่องมือต่างๆเช่น Google Apps , และแอพอื่นๆ เช่น youtube edu , moodle , office 365 , soundcloud , slideshare ในการเรียนการสอน + การนำเสนอ
โดยระบบ e-learning ของ ม.ขอนแก่น มีผู้ใช้ประมาณ 61,604 ราย มีครอสเกือบ 3,000 คอร์ส และแชร์ให้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆด้วย นอกจากนี้ยังได้ทำเป็นในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งแผนที่ ข้อมูลข่าวสารของทางมหาวิทยาลัย และแอพรวม e-book ภายในมหาวิทยาลัย
ส่วนระบบ streaming นั้นเมื่อก่อนต้องลงทุนทำ streaming เองหมด แต่ปัจจุบันนี้ใช้ Youtubeในการถ่ายทอดสด ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าร่วมโครงการ Google For Education ใช้เครื่องมือ Google Classroom ในการสอน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เทคโนโลยีในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนี้ดีอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถที่จะให้ความเอาใจใส่ดูแลลูกศิษย์ได้ดีเท่ากับตัวตนของอาจารย์ ที่สอนดูแลกับลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด
การใช้ Cloud เพื่อการศึกษาในประเทศอื่นๆ
มาถึงหัวข้อสุดท้ายในช่วงเช้าจะพูดถึงบริการด้านการศึกษา จาก Google โดย Mr. Harry Kwa, Google Head of Education (Google Asia-Pacific) ได้ออกมาพูดถึงบทบาทของ Google ด้านการศึกษา ซึ่งหลายท่านคงทราบดีเกี่ยวกับบริการ Google For Education ที่ทำให้ครูอาจารย์สอนนักเรียนผ่านทางออนไลน์ e-learning ของ Google ได้ง่ายขึ้น ซึ่่งก็ให้บริการแบบ Cloud Computing เช่นกัน ใช้บัญชีอีเมลสถาบันที่ให้บริการบน Gmail ของ google แบบฟรีไม่จำกัดเนื้อที่ Google Drive ก็ใช้ได้ไม่จำกัดด้วย ตลอดจนเครื่องมือ Google Classroom สำหรับการเรียนการสอน และรวมถึง Chromebook ซึ่งเป็น Cloud Device ยอดนิยมของสหรัฐอเมริกาใช้มากที่สุด
แต่ไม่ใช่เท่านี้ Google ก็ยังพยายามผลักดันด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่องโดยได้พัฒนาแอพด้านการศึกษา ใส่ในแอพ Google Cardboard ให้นักเรียนได้สวมแว่นกระดาษท่องโลกสถานที่ต่างๆแบบ Virtual Realityเต็มตา 360 องศา เหมือนอยู่ในสถานที่จริง รวมถึงการรวบรวมภาพถ่ายสถานที่สำคัญต่างๆเก็บไว้ในเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ด้วย Google จึงมีบทบาทสำคัญในด้านการศึกษาไม่น้อย สถาบันการศึกษาที่สนใจสามารถใช้บริการ Google For Education ได้ฟรี ซึ่งรายละเอียดการสมัครนั้นจะเผยในช่วง Workshop ต่อไป
และนี่คือเนื้อหาจากการสัมมนาในงาน เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า ครั้งที่ 3 สร้างอนาคตด้วยการเรียนรู้ ก้าวสู่ยุค Cloud Computing ในช่วงเช้าของวันที่ 16 ตุลาคม 2558 และยังมีต่อใน workshop ช่วงบ่าย
ขอขอบคุณ True IDC , สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น